วันพุธ, สิงหาคม 30, 2560

เรื่องขำๆ 'รื้อบ้านหาตะเคียน' (ทักษิณ) ถึง 'ปาหี่ชัดๆ' (ก็ทักษิณอีก)

พอดีสองคนนี่ขำพร้อมกันเมื่อวันวาน (๒๙ สิงหา) คนแรก อธึกกิต แสวงสุข ขำเรื่อง “ยงยุทธ์ติดคุกฐานเอื้อผลประโยชน์อัลไพน์ แต่ป๋าเหนาะตัวต้นเรื่องกลับรอด”

เรื่องก็คือ นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถูกศาลอาญากลางตัดสินจำคุก ๒ ปี จากคดีการซื้อขายที่ดินธรณีสงฆ์แก่สนามกอล์ฟอัลไพน์ ปทุมธานี ที่ ปปช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่าจำเลยในขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตาม คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินนั้นของสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่ง ปปช.มีมติ ๖ ต่อ ๓ ชี้มูลความผิด

อันคดีอัลไพน์นี้เบื้องต้นเป็นคดีที่นายเสนาะ เทียนทอง ครั้งเป็น รมว.มหาดไทย ไม่ยอมให้มีการโอนที่ดินบริจาคของนางเนื่อมแก่วัดธรรมิการามฯ คลองหลวง แล้วให้แบ่งขายที่ดินนำเงินไปให้กับวัดแทน แต่ ปปช. ไม่เห็นด้วยทำการฟ้องร้องนายเสนาะแยกจากคดีนายยงยุทธ์

ทว่าคดีนายเสนาะศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองยกฟ้อง อ้างว่าเนื่องจากโจทก์ “ไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลในกำหนดอายุความ (https://www.matichon.co.th/news/645842) “ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๕ วรรคหนึ่ง ดังนั้นสิทธิ์การฟ้องคดีอาญาย่อมถูกระงับไป”

อาการขำจึงเกิด “ตอนนั้นไม่ยักมีใครฟ้อง ปปช. ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ละเว้น ส่วนใหญ่ก็เป็นอดีตผู้พิพากษาเป็นนักกฎหมาย ไม่รู้ได้ไงวะ ว่าไม่เอาตัวป๋าเหนาะมาส่งศาล ขาดอายุความ

คดีนี้ถ้าสาวกันไปทั้งหมดก็จะไปพัวพันมูลนิธิมหามกุฎฯ ที่เป็นผู้ขาย แต่เรื่องจริงๆ ก็คือวัดไม่อยากได้ที่ดิน วัดอยากได้เงิน ก็มาให้ป๋าเหนาะออกคำสั่งไม่อนุญาตให้วัดรับมอบที่ดิน แล้วให้มูลนิธิฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ขายที่ดินเอาเงินให้วัดแทน” อธึกกิตเล่า (https://www.thairath.co.th/content/128282)

“แต่ร้อยไม่ควรพันไม่ควรคือ บริษัทของเมียกับน้องป๋าเหนาะดันซื้อที่ดินไว้เอง หมื่นไม่ควรแสนไม่ควรคือ ดันมาขายต่อให้ (ลูกเมีย) ทักษิณ สุดท้ายคนซวยคือ คนที่ซื้อบ้านไป”

ด้าน ธนาพล อิ๋วสกุล บอก “อย่าขำเรื่องสองผัว-เมียเชื่อร่างทรง ทุบบ้านหาไม้ตะเคียน” เพราะคนไทยจำนวนมากเชื่อที่สนธิ ลิ้มทองกุลและสุเทพ เทือกสุบรรณ เชื่อในสิ่งที่สองคนนี้กล่อมปัญญาให้ “เผาบ้านไล่แมลงสาบที่ชื่อ ระบอบทักษิณ มาสิบปีแล้ว” ละ

ที่มาของเรื่องนี้ที่ “ผัวเมียรื้อบ้านขุดหาต้นตะเคียน ตามคำแนะนำร่างทรงหลังลูกหายป่วย http://news.sanook.com/3261506/ แต่ครั้นรื้อเตียนแล้ว “ร่างทรงหนีหาย ผัว-เมียร่ำไห้โฮ ยุติขุดหาไม้ตะเคียน เผยความเชื่อทำพิษจนหมดตัว http://deksocial.com/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%…/

ธนาพลเขาเอาไปเปรียบกับพวกที่หลงใหลคำปราศรัยของสุเทพ เทือกสุบรรณ และสนธิ ลิ้มทองกุล ให้ช่วยกันโค่นระบอบทักษิณ ด้วยการปิดกรุงเทพฯ เป่านกหวีดคัดค้านเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปก่อน ช่วยกันกวักมือเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจ ก็เลยหวานคอแร้ง คสช.

จังหวะพอดีกับตอนนี้มิตรร่วมรบของ สนธิออกมามุสาดราม่า “โอ้สวรรค์ โปรดประทานพรแก่สนธิด้วยเถิด” ไพศาล พืชมงคล โอด “ตอนนี้สนธิมีอายุย่าง ๗๑ ปี ทำหน้าที่สอนเพื่อนนักโทษในคุก” และป่วยหนักมาก ตาซ้ายกำลังบอดสนิท ปวดศีรษะอย่างแรง

“เสือกับหมาต่างกัน...สะเทือนใจนัก...เพราะสนธิยอมรับการลงทัณฑ์ อภัยและอโหสิกรรมให้กับทุกคนที่เคยสร้างเวรกรรมกันมา...

จึงต้องเอาเรื่องนี้มาบอกกล่าวให้ทราบกันว่า ในขณะที่เกิดความสว่าง เทียนแห่งธรรมกำลังละลายตัวเอง...พวกเราอาจต้องคิดอ่านช่วยเหลือคุณสนธิกัน”

จะบังเอิญหรือบังอรก็แล้วแต่ ทางราชทัณฑ์ดันรู้ทัน “อธิบดีราชทัณฑ์แจง ‘สนธิ ลิ้ม’ ไม่ได้สอนหนังสือในคุก ประเด็นชรา-ตาซ้ายกำลังบอด ไม่เข้าเกณฑ์พักโทษhttps://www.matichon.co.th/news/646128

นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวถึงเรื่องที่เป็นข่าวว่า นายไพศาล พืชมงคล แกนนำ กปปส. อดีต สว. เดี๋ยวนี้ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ออกมาประโคมเรื่องนายสนธินั้น

“อาการตาซ้ายมองไม่เห็นของนายสนธินั้นเป็นมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่อาการป่วย”

เมื่อนายสนธิมีอาการกำเริบก็จะส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีแพทย์ประจำตัวของนายสนธิคอยดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว (ตามข่าวมติชน https://www.matichon.co.th/news/646128) กับ “สนธิไม่ได้บอดสนิท” (จากบางกอกโพสต์ http://www.bangkokpost.com/news/politics/1315439/sondhi-vision-woes-predated-jail-term)

นั่นเท่ากับว่าที่นายไพศาลออกมาประโคม เพียงแค่ดราม่า หาความจริงไม่ได้

“นายกอบเกียรติบอกด้วยว่าทางเรือนจำไม่ได้บังคับให้สนธิทำการสอนพวกนักโทษ” (บางกอกโพสต์) แท้จริงนายสนธิอยากจะสอนหนังสือพวกนักโทษเอง จึงขออนุญาตทางเรือนจำ แต่ราชทัณฑ์ไม่ยินยอม

“เกรงว่าจะเกิดปัญหา เพราะในเรือนจำมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบนายสนธิ จึงไม่ได้อนุญาตให้นายสนธิเป็นครูพิเศษในเรือนจำ” (เวอร์ชั่น มติชน)

ฉะนี้ เห็นชัดอีกว่านายไพศาล พืชมงคล มุสา อีกคำ นอกจากนั้นว่ากันตามจริงแล้วการที่สนธิต้องติดคุก ก็ไม่ใช่ “เป็นแบบอย่างว่าผู้เสียสละที่ยอมพลีทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง แล้วต้องมีชะตากรรมไร้คนเหลียวแล” แต่อย่างใด

สนธิติดคุกคดีฉ้อโกง ทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันเงินกู้ธนาคารกรุงไทยกว่าพันล้าน ไม่ได้ติดคุกคดีการเมือง” (จากโพสต์ของ ชัยวุฒิ สุวรรณโณทางหน้าเฟชบุ๊ค)

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อ ๗ สิงหา ๕๗ ว่านายสนธิและพวกมีความผิดจริงตามคำตัดสินศาลชั้นต้นให้ต้องโทษจำคุก ๒๐ ปี ต่อมาในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น นายสนธิจึงต้องติดคุกตั้งแต่นั้นมา


การที่ไพศาลออกมาโอดครวญแทนสนธิ มุ่งหมายจะให้มีการ พักโทษนายสนธิบ้าง ขณะที่ช่วงนี้ “เทียนกำลังละลาย” พวกพันธมิตรฯ และ กปปส. ต่างพ้นบ่วงกันเป็นทิวแถวแล้ว


ในฐานที่ตนเอง “ไม่ใช่คนของสำนักบ้านพระอาทิตย์” น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง เนื่องแต่คนที่เป็นหัวหอกในสำนักบ้านพระอาทิตย์เวลานี้ออกจะเป็นไม่เบื่อไม้เมากับ คสช.อยู่พอควร

เมื่อนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือผู้จัดการ เพิ่งพูดในรายการ คนเคาะข่าวทางโทรทัศน์ดาวเทียม นิวส์วันถึงการหายตัวไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้หนักหน่วงทีเดียว


“มันปาหี่ชัดๆ...คนวินคือ คสช. คนที่เสียหายไม่เยอะ คือระบอบทักษิณ ปูหมดสภาพไปก็ยังมีตัวตายตัวแทนคนใหม่” จิตตนาถอ้กล่าวหาด้วยว่า “ดีลนี้นำไปสู่ทิศทางการเมืองใหม่ นี่คือการปรองดองระหว่าง คสช. และ ทักษิณ

เขายังพูดข้ามช็อตไปถึงเรื่องเลือกตั้งว่า “ตัวเล่นมีแค่ คสช. กับเพื่อไทยเท่านั้น ประชาธิปัตย์เป็นแค่น้ำจิ้ม และเพื่อความมั่นใจไม่ให้ทักษิณซ่า ก็เลยเก็บคดีโอ๊คฟอกเงินกรุงไทยเอาไว้...

คสช. ชนะเด็ดขาด...เมืองไทยเข้าสู่ระบอบใหม่อย่างเต็มตัว คสช. ทรงอำนาจที่สุดยิ่งกว่าระบอบทักษิณ...โดยที่ทักษิณไม่สู้ด้วย ขอเป็นแนวร่วมโดยไม่ต้องเปิดเผย...

นี่คือกระบวนการปาหี่แหกตาคนทั้งประเทศ ซึ่งสุเทพก็อยู่ในกระบวนการนี้ด้วย” อุต๊ะ บร๊ะเจ้าจ่าง แค่ ปูหนี(ไม่ได้ผวน) ไหงโอละพ่อกันไปได้เพียงนี้ล่ะ