วันพุธ, มีนาคม 23, 2559

"ประชาธิปไตยที่นี่ยังเปราะบาง ต้องการให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม" - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (๒๕๕๔)

ราชอาณาจักร

: เอกสารไม่ลับกระทรวงต่างประเทศสหรัฐจากนายเคิร์ท แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเซียตะวันออกและแปซิฟิค ส่งต่อทางอีเล็คโทรนิคให้นางฮิลลารี่ คลินตัน รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนการประชุมกลุ่มประเทศอาเซียนที่บาลี

“ปกติผมจะไม่ส่งต่อเอกสารเช่นนี้ แต่ผมมีกลุ่มเพื่อนๆ ซึ่งอยู่นอกสายงาน ที่รายงานถึงพัฒนาการในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคเร็นเป็นผู้ที่รู้เรื่องราวลึกซึ้ง และรายงานชิ้นนี้จังหวะเหมาะเจาะกับสถานการณ์พอดี ด้วยความปรารถนาดี เคิร์ท” เป็นข้อความปะหน้า To: H; Sullivan, Jacob

เอกสารดังกล่าวเป็นรายงานสรุปภาวะการณ์นำร่องก่อนการประชุมส่งให้แก่นายแคมป์เบลล์ โดย แคเร็น บรุ๊คส์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำคณะกรรมการที่ปรึกษากิจการต่างประเทศแผนกเอเซีย ซึ่งเพิ่งได้เข้าพบสนทนากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทยในขณะนั้นที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่

เคซี,

นี่เป็นบันทึกสั้นๆ สำหรับเป็นเค้าโครงการเยือนกรุงเทพฯ ของคุณ และให้รายละเอียดประมวลสถานการณ์เบื้องลึก
เคิร์ท แคมป์เบลล์
ราชอาณาจักรยังคงกระเสือกกระสนกับอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ในรอบครึ่งศตวรรษ พื้นที่หนึ่งในสามของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ (บางท้องที่น้ำลึกถึง ๖ ฟุต) ปริมาณน้ำนับพันๆ ล้านลูกบาสถ์เมตรรอที่จะระบายออกสู่อ่าวไทย ปริมาณน้ำอนันตการเช่นนี้หมายความว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ก่อนจะสูบออกทะเลได้หมด ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องไร้ที่อยู่อาศัยเป็นเวลานาน คนไทยยังคงพยายามต่อสู้กันต่อไปเพื่อสกัดกั้นไม่ให้น้ำคืบเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งรอดไปได้ เช่นเดียวกับสนามบินหลักของกรุงเทพฯ

มูลค่าเสียหายเพิ่มขึ้น

ขณะที่วิกฤตยืดเยื้อต่อไป ความเสียหายที่เกิดแก่ผู้คนและทางการเงินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า ๕๕๐ ราย อีกนับแสนต้องผละจากที่อยู่อาศัย คนเกือบครึ่งล้านไม่สามารถทำงานได้ ประชาชนจำนวนหลายล้านได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าการส่งออกซึ่งมีมูลค่าเท่ากับสองในสามของอัตราจีดีพีในประเทศไทย จะตกลงไปมากถึง ๑๓ เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่สี่ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ ๖ เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ก็ตกอยู่ในภาวะกดดัน เพราะกำหนดการจัดประชุมต่างๆ ถูกยกเลิก และแผนการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเลื่อนกำหนดออกไป เนื่องจากภัยพิบัติน้ำเป็นข่าวกระจายไปทั่วโลก

ธนาคารชาติประกาศตัดอัตราประเมินความเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี ๒๕๕๔ ลงจาก ๔.๑ เหลือ ๒.๖ เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะยังคงแถลงว่าด้วยมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นโดยรัฐบาล จะทำให้อัตราเติบโตในปี ๒๕๕๕ ขึ้นไปสูงกว่า ๔ เปอร์เซ็นต์ก็ตาม

การเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง

ความเสียหายทางการเมืองที่มีต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็รุนแรงไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน พาดหัวข่าวเมื่อเร็วๆ นี้เขียนว่า “ฝันหวานสิ้นสุดแล้ว” เป็นการอธิบายสภาพการณ์ที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เผชิญอยู่ เมื่อดูจากคำจ้วงจาบโจมตีที่เธอและทีมงานของเธอต้องทนรับตลอดวิกฤตครั้งนี้ อันเนื่องมาแต่กระบวนการสื่อสารที่ไม่ได้ผล การประสานงานที่ล้มเหลว และความผิดพลาดต่างๆ นานา คำว่า “ฝันร้ายเต็มพิกัด” น่าจะเหมาะกว่าสำหรับข้อสรุปวิเคราะห์ พรรคฝ่ายค้านซึ่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าในการเลือกตั้งที่ยังเต็มไปด้วยการแบ่งขั้วอย่างหนักหน่วง มองเห็นช่องที่จะโจมตีเธอได้ก็คว้าทันที ว่ากันแฟร์ๆ นะ แม้แต่ในหมู่ผู้สนับสนุนเธอเองก็ยังอึดอัดขัดสน การต้องมาเผชิญกับอุทกภัยครั้งมโหฬารหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียงไม่กี่อาทิตย์ นายกฯ หญิงเจอกับปัญหาจนแทบโงหัวไม่ขึ้น และทีมงานของเธอในส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรนัก

ยิ่งลักษณ์ได้พยายามที่จะปรับกระบวนด้วยการดึงเอาข้าราชการอาวุโสระดับสูง เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญด้านดินฟ้าอากาศ การบริหารน้ำ และการรับมือภัยธรรมชาติ เข้าไปมีบทบาทสำคัญในศูนย์ปฏิบัติการบันเทาทุกข์จากอุทกภัย ในขณะที่ลดบทบาทของบรรดานักการเมืองและที่ปรึกษาซึ่งขาดประสบการณ์ ผู้ซึ่งทำให้เธอต้องเจอกับทุกข์มหันต์

เธอยังได้ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการสองชุด คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและอนาคต กับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ สำหรับจัดทำแผนและจัดการต่อไปข้างหน้า วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีคลังและเป็นคนโปรดของราชสำนัก ทำหน้าที่กำกับคณะกรรมการฟื้นฟู ขณะที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งเป็นคนของวังอีกราย ผู้ควบคุมโครงการบริหารน้ำของสำนักพระราชวัง เข้าไปเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของคณะกรรมการน้ำ ฝ่ายรัฐบาลในตอนนั้นก็จัดสรรงบประมาณก้อนใหญ่สำหรับการเยียวยาความเสียหาย กำหนดมาตรการป้องกัน และสร้างฐานทางเศรษฐกิจใหม่ การประกาศจัดตั้งคณะกรรมการสองชุดและการจัดงบประมาณใหม่ ลดแรงกดดันต่อรัฐบาลลงไปได้ เฉพาะขณะนี้

ขั้นต่อไป

เพื่อให้กระแสติดลม ยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องปรับทีมงานของเธอ จากผลงานไม่เข้าตาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นสิ่งที่ต้องทำ ก่อนใครอื่นเป็นรัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ ธีระ วงศ์สมุทร ซึ่งขึ้นมาจากชาติไทยพัฒนา พรรคร่วมรัฐบาล อย่างดีแค่เป็นมิตรที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง ไม่เพียงธีระขาดประสิทธิภาพในการแก้วิกฤตตั้งแต่ยิ่งลักษณ์เริ่มเข้ารับตำแหน่งเท่านั้น (การบริหารจัดการน้ำเป็นหนึ่งในรายการความสามารถของเขา) เขายังเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการเกษตรในรัฐบาลที่แล้วของนายอภิสิทธิ์ เขาจึงถูกมอง (อย่างต้องตรง) ว่ามีความผิดจากการพลาดพลั้งหรือจากการไร้ประสิทธิภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง (หรือทั้งสองอย่าง) ด้วยการที่ล้มเหลวในการบริหารระดับน้ำอย่างเหมาะสมในเขื่อนขนาดใหญ่สุดสองแห่งของประเทศ ในช่วงหลายเดือนก่อนจะถึงวันเข้ารับตำแหน่งของยิ่งลักษณ์ อันทำให้เมื่อเกิดวิกฤตครั้งนี้แล้วเพิ่มขนาดความเสียหายหลายเท่า

(หมายเหตุ มีความสำคัญจะต้องทำความเข้าใจในที่นี้ว่ากรมชลประทานในกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งบริหารจัดการน้ำ มีหลักฐานข้อมูลพร้อมมูลแล้วในตอนต้นปีว่าปริมาณฝนมีมากล้นเกินกว่าอัตราเฉลี่ยตามปกติของฤดูกาลมาเป้นเวลาหลายเดือนแล้ว (เริ่มแต่เดือนมีนาคมติดต่อกันไปถึงเดือนสิงหาคม นี่ตามรายละเอียดข้อมูลที่ตีพิมพ์บนเว็บไว้ท์ของกรมเอง) อย่างไรก็ดีกรมละเลยที่จะปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อการปรับระดับ ผลก็คือน้ำในเขื่อนเต็มปรี่แล้วเมื่อตอนที่ยิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ทำให้จำเป็นต้องปล่อยน้ำออกจำนวนมากเกินกว่าควรเมื่อมีฝนตกเพิ่มและปรากฏการณ์น้ำท่วมของฤดูได้เริ่มก่อตัวแล้ว น้ำที่ทะลักเข้ากรุงเทพฯ จำนวนมากมาจากเขื่อน

โดยที่พระเจ้าอยู่หัวทรงพัวพันกับการบริหารน้ำมาเป็นเวลาหลายสิบปี (เขื่อนหลักๆ สองแห่งได้รับพระราชทานให้ใช้พระนามของพระองค์และของสมเด็จพระราชินีเป็นชื่อเขื่อน และกรมชลประทานก็ยังได้รับสถานะให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย) ช่วยไม่ได้ที่คนจำนวนมากในถิ่น แดง/พ.ท. พากันสงสัยว่า ความเลินเล่อที่จะปรับระดับน้ำในเขื่อนก่อนพรรคเพื่อไทยเข้าเป็นรัฐบาลนั้น แท้จริงเป็นแผนบ่อนทำลายพวกเขาเสียมากกว่า ยิ่งลักษณ์เองยืนยันว่าไม่มีใครเลยในรัฐบาลของเธอไปยุ่งกับเขื่อน ไม่มีเหตุอะไรที่จะไปทำให้ปัญหาสุมมากขึ้น แต่ครั้นเมื่อน้ำลด การชี้หน้ากล่าวหากันก็จะร้อนแรงขึ้นอย่างแน่นอน)

สถานะส่วนตัวของยิ่งลักษณ์

เธอเหนื่อยล้า เคิร์ท เธออ่อนเปลี้ยมากค่ะ ฉันไปหาเธอที่บ้านเมื่อคืนนี้เวลาราวห้าทุ่ม เธอบอกว่าเธออดหลับอดนอนทั้งคืนไม่ค่อยมีใครช่วยเหลือ กับคณะรัฐมนตรีที่เห็นแล้วว่าไม่เข้มแข็ง (คำของเธอเองมีน้ำเสียงรักษาน้ำใจน้อยกว่านี้) และไม่สามารถรับภาระได้ทันท่วงทีต่อสถานการณ์ เธอยอมรับว่าได้คาดหมายไว้แล้วว่างานนี้ไม่ง่ายเลย แต่การเรียนรู้ทุกๆ สิ่งเกี่ยวกับรัฐบาล พร้อมไปกับจัดการความซับซ้อนด้านราชสำนักและกองทัพ แถมโดนถล่มด้วยวิกฤตของชาติขนาดยักษ์ แล้วยังต้องทำร่วมกับทีมงานที่อ่อนแอ ก็ทำให้ย่ำแย่ไปเลยทีเดียว

แม้กระนั้น เธอยังตั้งมั่น ด้วยพลังกล้าแกร่งในอก เธอเน้นถึงประเด็นที่ว่าเธอได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนข้างมากเด็ดขาด นี่เป็นครั้งที่สองเท่านั้นในประวัติศาสตร์ และเธอจะไม่ยอมให้คนไทยจำนวนล้านๆ ที่สนับสนุนเธอต้องผิดหวังแน่นอน ถ้าหากมันหมายความว่าเธอจะไม่ได้พักผ่อนจนกว่าจะครบวาระก็เอา เธอว่าเธอรับได้เพราะเธอมั่นใจในสิ่งที่เธอทำ เธอจะปรับเปลี่ยนบางอย่างในคณะรัฐมนตรีเมื่อการสูบน้ำออกเสร็จสิ้นลงแล้วอีกสองสามอาทิตย์ข้างหน้า แล้วก็รอเวลาที่ทีมงานชุดเอก (ทีม-เอ) กลับมาในเดือนพฤษภาคมปีหน้า เมื่ออายุความการเว้นวรรคทางการเมืองของนักการเมืองพรรคไทยรักไทยบ้านเลขที่ ๑๑๑ ที่ถูกศาลตัดสินไว้เมื่อปี ๒๕๕๐ หลังรัฐประหาร สิ้นสุดลง

บนโต๊ะทำงานของเธอเต็มไปด้วยหนังสือสำหรับค้นคว้า เธอบอกว่าจะยังคงไม่เข้านอนในอีกหลายชั่วโมง เตรียมตัวพบกับฮิลลารี่และการประชุมสุดยอดอาเซียนที่บาหลี เสร็จแล้วจึงจะจัดกระเป๋า เธอเปิดอ่านหนังสือเหล่านั้น ฉันเห็นได้ว่ามีแผ่นโน้ตด้วยลายมือเขียนของเธอเองแปะไว้ตามขอบหน้าหนังสือ เธอบ่นว่าเอกสารทั้งหลายที่มีการเตรียมไว้ให้เธอไม่ช่วยอะไรมากนัก เป็นรายงานอย่างทางการมากไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อย เธอจึงพยายามที่จะอ่านเอาจากหนังสือแล้วทำโน้ตส่วนตัวเอาไว้แทน โดยปราศจากหัวหน้าสำนักงานผู้ช่วยนายกฯ ที่รู้เรื่องราวงานรัฐบาลและรู้จักตัวเธออย่างดี คอยตรวจหาข้อสรุปและปรับแก้ให้แก่เธอเสียแล้ว เธอต้องเป็นทั้งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี มัดรวมพร้อมกันในห่อเดียว

เธอจงใจพูดกับฉันว่า เธอมีความภาคภูมิอย่างล้นหลามที่รัฐมนตรีคลินตันจะมาหา “มันเป็นหกปีอันยาวนานของความวุ่นวายในประเทศนี้” เธอกล่าว “ดิฉันมุ่งมั่นที่จะใช้อาณัติที่ได้รับมอบหมายเพื่อทำให้ประชาชนหันหน้าเข้าหากันอีกและสร้างเสริมความสมานฉันท์ ดังที่ดิฉันประกาศไว้ในระหว่างหาเสียง พร้อมทำงานหนักที่จะเอาชนะใจกองทัพและช่วยให้พวกเขามองเห็นว่ามีที่ยืนโดยไม่ต้องเข้ามายุ่มย่ามกับการเมือง  

ดิฉันพยายามเต็มที่เช่นกันในการแสดงให้ราชสำนักเห็น แต่ว่าต้องยอมรับ ประชาธิปไตยที่นี่ยังเปราะบาง เราต้องการให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม”

ความเป็นไปได้เบื้องหน้า

พรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาผู้แทนราษฎร ๒๖๕ จาก ๕๐๐ เช่นนี้พรรคยังคงเป้นรัฐบาลต่อไปได้ แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะถอนตัวออกไปจากยิ่งลักษณ์ อีกทั้งการเป็นปราการเสริมความมั่นคงให้แก่รัฐบาล (อย่างน้อยในขณะนี้) (โดยที่เป็นเรื่องตลกร้าย) เกิดจากท่าทีของผู้บัญชาการทหารบกประยุทธ์ จันทร์โอชา (ก่อนหน้านี้เป็นคู่ห้ำหั่นกันกับเสื้อแดงและทักษิณ) ประยุทธ์แสดงออกมาบ่อยครั้งว่ากองทัพ (สถาบันที่ยอมรับกันว่ามีผลงานดีในช่วงวิกฤต) ยังคงอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาล อีกทั้งเป็นข้อผูกมัดให้ทุกภาคส่วนให้การสนับสนุนรัฐบาลในยามวิกฤต และการปฏิวัติรัฐประหารเป็นไปไม่ได้ ยิ่งลักษณ์บอกฉันว่าเธอได้กระทำมากเสียยิ่งกว่าที่จำเป็นในการให้ความร่วมมือแก่ประยุทธ์ แล้วดูเหมือนประยุทธ์จะเข้าใจและพอใจกับความซื่อสัตย์มุ่งมั่นทำงานหนักของเธอ

ในวังก็เหมือนกัน มิได้แสดงอะไรให้เห็นว่าจะฉวยโอกาสระหว่างวิกฤตโค่นล้มรัฐบาล พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราชานุญาติให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์เข้าเฝ้าสามครั้ง (ที่ประกาศทางการ) นับแต่เธอเข้ารับตำแหน่ง (ในโลกทึบแสงแห่งสถาบันกษัตริย์ไทย นี่เป็นกุญแจไขไปสู่การสร้างความคุ้นเคย) นอกจากนี้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นในได้เปิดให้นายกน ยิ่งลักษณ์เข้าเฝ้าช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา (ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ) รวมถึงสยามมกุฏราชกุมารและเจ้าฟ้าหญิงสองพระองค์ กระนั้นที่น่าเอ่ยถึงอยู่ที่การประกาศแต่งตั้งคนโปรดของราชสำนักสองท่าน ดร.สุเมธ และ ดร.วีรพงษ์ เข้าสู่คณะกรรมการฟื้นฟูและบริหารจัดการน้ำ สุเมธผู้ซึ่งถวายคำปรึกษาต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมาช้านาน แล้วยังเป็นประธานมูลนิธิหนึ่งของพระราชวัง ไม่น่าที่จะสนองรับการแต่งตั้งหากพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้ทรงให้ความเห็นชอบ กรรมการอีกสองท่านในคณะก็เป็นผู้ใกล้ชิดเบื้องยุคลบาทเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่ความนิยมของยิ่งลักษณ์เริ่มจะตกลง พรรคเพื่อไทยของเธอยังทำคะแนนได้ดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์คู่แข่ง ที่คนชอบน้อยกว่า และไม่อาจหาเพื่อนใหม่ได้จากการที่เอาวิกฤตมาใช้ฉกฉวยผลประโยชน์ทางการเมืองให้แก่ตนเอง “คุณไม่อาจที่จะเอาชนะบางสิ่งบางอย่างด้วยความว่างเปล่า” ดังที่มีคนว่าไว้ ถ้าไม่มีรัฐประหาร ยิ่งลักษณ์กับเพื่อไทยเท่านั้นที่เป็นเครื่องเล่นของชาติ

นั่นแหละ นี่คือประเทศไทย ซึ่งหมายความว่าอย่าได้ละเลยคำนึงถึงรัฐประหารเป็นอันขาด แล้วที่ยิ่งลักษณ์พูดไว้ถูกต้องทีเดียว อย่างดีที่สุดประชาธิปไตยในประเทศไทยแค่เปราะบาง ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนดั่งจริงใจที่ว่าไม่สนใจการรัฐประหาร แต่ด้วยระดับดีกรีของการที่กองทัพสามารถเรียกกลับภาพลักษณ์คืนได้ระหว่างวิกฤต ในมาดวีรบุรุษขณะที่นักการเมืองดูเหมือนดั่งหมดประสิทธิภาพ อาจเป็นแนวโน้มอันตรายต่อประเทศไทยซึ่งติดเชื้อรัฐประหารฝังใน ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่ในวังวางขลึม แถมมีท่าน่าฉงนว่าสนับสนุนรัฐบาลละหรือ ประมวลการสำรวจระยะสั้นๆ ในโลกของเว็บบล็อกและเฟชบุ๊ค ก็ปรากฏความจงเกลียดจงชัง และการต่อต้านไม่ย่นย่อต่อดาวพระเคราะห์ทักษิณ อย่างคึกคักในหมู่ผู้ลากมากดีของกรุงเทพฯ

ที่ซึ่งนำเราไปสู่ประเด็นพี่ชายใหญ่ ผู้ที่ยังคงได้รับความเคารพนบนอบอย่างสูงจากคณะรัฐมนตรีในแวดวงพรรคเพื่อไทย และท่ามกลางผู้สนับสนุนในกลุ่มเสื้อแดง เขาทำตัวสงบเสงี่ยมได้อย่างชาญฉลาดในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาในขณะที่น้องสาวคนเล็กต่อสู้กับอุทกภัย แต่ว่าประเด็นเกี่ยวกับสถานะของเขา และความมุ่งมาดปรารถนาที่จะได้กลับประเทศไทยนั้นครอบคลุมไปเสียหมด ยิ่งลักษณ์บอกฉันว่าการเจรจากับในวังไม่หยุดยั้งของพี่ชายอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่า “ได้ผลดี” และแสดงให้เห็นผลลัพท์ในทางเยียวยาต่อการลี้ภัยห้าปีที่เต็มไปด้วยนาฏกรรมของเขา ไม่ว่าจะโดยผ่านทางการมีพระราชโองการอภัยโทษ หรือทางกฎหมายนิรโทษกรรมในรัฐสภาที่ราชสำนักให้ไฟเขียว อย่างดีที่สุดนี่เป็นจังหวะเต้นที่ต้องระวังยิ่งยวด การจัดการพลาดหรือคาดคะเนผิดโดยทักษิณจะก่อให้เกิดนาฏกรรมการเมืองแก่ยิ่งลักษณ์อีกครั้ง

เธอจำเป็นต้องเร่งมือดำเนินงานโครงการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปราศจากการคอรัปชั่นหรือเรื่องอื้อฉาวใหญ่โต เพื่อที่จะทำให้พวกต่อต้านเงียบเสียงและผู้สนับสนุนเป็นปึกแผ่น ในขณะนี้ อุทกภัยได้กวาดซัดเอาความเชื่องมงายเรื่องเธอเป็น ตุ๊กตาจำลองของพี่ชาย เนื่องเพราะเธอไม่มีประสบการณ์หรือสัญชาติญานอย่างพี่ชาย อย่างน้อยยังมาไม่ถึง ทว่าเธอมีในสิ่งที่พี่ชายไม่มี รวมถึงเสน่ห์และความสง่าและความจริงใจที่เห็นได้ กับการรำลึกอยู่เสมอที่จะโอบรับสถาบันกองทัพและราชสำนัก ด้วยการมีเทคโนแครทรุ่นใหม่ซึ่งทรงพลังอยู่เคียงข้าง เสียงข้างมากแน่นหนาในรัฐสภา ด้วยการวางมือของกองทัพและราชสำนักดังที่ปรากฏ (อย่างน้อยในขณะนี้) และไม่มีลูกเล่นอื่นๆ ออกมาอีก ยิ่งลักษณ์ผู้มุ่งมั่นมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้

สำหรับการพบของคุณกับเธอ

สามประเด็น : หนึ่ง ภาษาอังกฤษของ ย.ล. ไม่ค่อยยอดเยี่ยมนักนะ โดยเฉพาเมื่อผสมไปกับสภาพอ่อนระโหยของเธอ กรุณาเตือนท่านรัฐมนตรีอย่ามุ่งหวังอะไรมากในเรื่องนี้ด้วย

สอง เธอไม่รู้เรื่องแผนการแก้ไขอุทกภัยของเรา เธอรู้แต่เพียงองค์ประกอบดอนเมืองเท่านั้น เมื่อฉันเอ่ยถึงอยุธยาและสถานีตำรวจ เธอตอบว่าไม่เคยได้รับข้อมูลและไม่อยู่ในแฟ้มที่กระทรวงต่างประเทศจัดเตรียมให้ เธอยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมูลค่าเงินดอลลาร์ ท่านรัฐมนตรีควรเตรียมที่จะเสนอต่อเธอจริงๆ

สาม เธอได้แสดงความหวัง หลายครั้ง ว่าท่านรัฐมนตรีจะกล่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับประชาธิปไตยและความสมานฉันท์ในถ้อยแถลงต่อสื่อมวลชน (และนั่นเป็นสิ่งที่เธออยากพูดคุยในการพบกัน)

หวังว่ามะนิลาได้ผล และทุกอย่างเป็นไปด้วยดีคืนนี้

คุณพำนักอยูห่างไมกี่ฟุตเลยไปบนถนนเดียวกัน ถ้าคุณมีคลื่นความถี่สำหรับการดื่มหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว

โซโซ

(https://wikileaks.org/clinton-emails/emailid/25239)

(หมายเหตุไทยอีนิวส์ ถอดความข้างต้น มาจากเอกสารอีเมลส่งต่อระหว่างนายเคิร์ท แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเซียตะวันออกและแปซิฟิค ให้กับนางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งนายแคมป์เบลล์ได้รับจาก แคเร็น บรุ๊คส์ เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการกิจการต่างประเทศ เขียนรายงานเป็นข้อมูลแก่รัฐมนตรีต่างประเทศหลังจากที่ได้เข้าพบสนทนากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยในขณะนั้นที่บ้าน)