วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 30, 2558

เศรษฐกิจทำพิษ!!! 6 เดือน ลอยแพแรงงานแล้ว 3.2 แสนคน!!! น่าจะรู้แล้วนะว่าบริหารประเทศมันไม่ง่าย!!!



เศรษฐกิจทำพิษ!!! 6 เดือน ลอยแพแรงงานแล้ว 3.2 แสนคน!!!

ที่มา Ispace Thailand
BY BOURNE
ON JULY 28, 2015

ผลจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงปีนี้ ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานได้เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของปี 2558 ภาคแรงงานได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างมาก โดยมีการเลิกจ้างแรงงานแล้วกว่า 37,714 คน มีผู้ว่างงานรวม 324,774 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

นายวรานนท์ ปีติวรรณ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานกำลังติดตามสถานการณ์แรงงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ที่เริ่มมีกระแสการเลิกจ้างและปลดลูกจ้างแรงงาน ขณะเดียวกันก็เฝ้าระวังกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง และอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อย่างกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย และเป็นกลุ่มที่มีผลต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์



ส่วนการเลิกจ้างของบริษัท ซัมซุง อิเล็คโทร-แม็คคานิคส์ นครราชสีมา จำกัดนั้น ก่อนหน้านี้ กสร.ได้รับหนังสือชี้แจงจากบริษัทดังกล่าวว่า ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานแล้วเบื้องต้น 1,365 คน เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเริ่มมีพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทยอยยื่นแบบขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน รวมถึงเงินพิเศษตามอายุงานแล้วตามลำดับ และคาดว่าจะมีพนักงานของบริษัท ซัมซุง ถูกเลิกจ้างเพิ่มอีก 800 คน ในวันที่ 30 ส.ค.นี้



โดยบริษัท ซัมซุง อิเล็คโทร-แม็คคานิคส์ นครราชสีมา จำกัด นี้เป็นโรงงานผลิตมอเตอร์ฮาร์ดดิสก์ คอมพิวเตอร์ ป้อนส่งโรงงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมประเภทอิเล็กทรอนิกส์มียอดการสั่งผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหารบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้มีการตัดสินใจปิดกิจการ และลดจำนวนพนักงานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ก็ทยอยปลดพนักงาน โดยภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นยอดจำหน่ายในช่วง 5-6 เดือนแรกของปีนี้ที่เติบโตลดลงไป 15-16%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวถึงกรณีการเลิกจ้างงานของบริษัทซัมซุง อิเล็คโทร-แม็คคานิคส์ นครราชสีมาว่า เป็นปกติของธุรกิจที่มีการเพิ่มหรือลดพนักงาน และที่ผู้ประกอบการบางส่วนย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม ส่วนหนึ่งมาจากได้สิทธิประโยชน์ทางการค้ามากกว่าที่ไทย ทั้งนี้ เอกชนยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้า


สำหรับสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานในปี 2558 นั้น ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ค. 2558 มีแรงงานถูกเลิกจ้างรวม 37,714 คน แยกเป็นเดือน ม.ค.เลิกจ้าง 7,810 คน เดือน ก.พ. 6,279 คน เดือน มี.ค. 5,109 คน เดือน เม.ย. 6,395 คน เดือน พ.ค. 5,781 คน และ เดือน มิ.ย. 6,340 คน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นายจ้างมีการเลิกจ้างแรงงานมากที่สุด คือ ปิดกิจการ 37.68% และ นายจ้างลดจำนวนพนักงาน 35.93%

ส่วนยอดตัวเลขของผู้ว่างงานในปี 2558 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ค. 2558 มีผู้ตกงานรวม 324,774 คน แยกเป็น เดือน ม.ค. 45,705 คน เดือน ก.พ. 54,081 คน เดือน มี.ค. 50,181 คน เดือน เม.ย. 52,648 คน เดือน พ.ค. 60,499 คน และ เดือน มิ.ย. 61,660 คน โดยตัวเลขการเลิกจ้าง และการว่างงานทั้งหมดเป็นข้อมูลของจากผู้ว่างงาน และถูกเลิกจ้างที่ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนขอรับผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน กองวิจัยตลาดแรงงาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน


จากภาพรวมของการเลิกจ้าง และจำนวนผู้ว่างงานใน 6 เดือนแรกของปี 2558 ถือว่ามีภาวะที่น่าเป็นห่วงเพราะมีอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการเลิกกิจการ และปรับลดพนักงานเป็นสำคัญ นอกจากนี้ข้อมูลตัวเลขผู้ว่างงาน 3.2 แสนคน นั้นยังเป็นเพียงตัวเลขของแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ที่มาขอรับผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเท่านั้น ไม่รวมถึงภาคแรงงานนอกระบบ รวมถึงประชาชนในภาคเกษตรกรรมที่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระบบของกรมแรงงาน แต่ทั้งนี้ก็ล้วนได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้รายได้ลดลงหรือไม่มีรายได้ในช่วงเวลานี้!!!

อย่างไรก็ตาม แม้สภาพเศรษฐกิจของไทยในยุครัฐบาล คสช. จะย่ำแย่ถึงเพียงนี้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยังคงมองว่าตนเองและคณะรัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่แล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “1 ปีที่ผ่านมาการทำงาน ถ้าพัฒนาไม่เยอะ คงไม่เดินหน้ามาขนาดนี้ วันนี้ทุกคนทำงาน ที่ผ่านไม่มีใครไปไล่การทำงานเท่านี้ ทำกันขนาดนี้ยังได้แค่นี้เลย ถ้าสถานการณ์เป็นแบบเดิม สิ่งต่างๆที่แก้จะเป็นแบบนี้หรือไม่ จะดีขึ้นหรือไม่”


นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวปกป้องคณะรัฐมนตรีสายทหารว่า “ทำไม ใครที่เป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมามืออาชีพทำมาตั้งนานแล้ว แล้วได้อะไรขึ้นมาบ้าง ทหารมันโง่นักหรือไง วันนี้ต้องยอมรับว่าทหารเข้ามาต้องเข้ามา ทหารไม่ได้โง่นักหรอก การทำงานที่ผ่านมาเขาก็ทำกันแบบนี้ ข้าราชการเขาก็ทำงาน ไปถามนักการเมืองด้วยว่าทำกันหรือเปล่า วันนี้สั่งงานทุกเม็ด แต่อยู่ที่ข้าราชการทำได้แค่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่ใครเข้ามามีฝีมือหรือไม่มีฝีมือ ตนไม่เชื่อตรงนั้น เพราะคิดว่าไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรต่างกัน”




ก็น่าสนใจว่า รัฐบาล คสช. ที่มีคณะนายทหารเป็นรัฐมนตรีจำนวนมากชุดนี้ จะสามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤติทางเศรษฐกิจไปได้หรือไม่ หรือแม้ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี แต่คณะรัฐมนตรีใหม่ที่เข้ามาร่วมรัฐบาลก็น่าจะเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับคณะนายทหารชุดนี้ ซึ่งไม่น่าจะสามารถสร้างความแตกต่างได้แต่อย่างใด อย่าลืมว่าที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจมากมายเช่นทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยึดอำนาจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะรู้แล้วว่าบริหารประเทศมันไม่ง่าย!!!

ooo




กิตติรัตน์ ณ ระนอง ฝาก บิ๊กตู่ ศก.ไม่ดี อะไรควรก็รีบ ๆทำซะ อย่าช้า

matichon tv

Published on Jul 28, 2015
Matichon TV นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าถึงกระแสการปรับครม.ของรัฐบาลประยุทธ์ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของพล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม รู้สึกเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภาพ­รวม ซึ่งไม่ดีเลย ดังนั้น การแก้ไขอะไร เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้นไม่ว่าจะอยู่ข้างไห­น หรือฝ่ายไหน ทุกคนก็อยากให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งนี้ ขอฝากคนที่มีอำนาจตัดสินใจด้วยว่า จะทำอะไรก็รีบๆทำ