วันเสาร์, เมษายน 25, 2558

"ทีหลังอย่าทำ" ไม่งั้น... "เชิญนั่งทับขี้ต่อไปเถอะ"




แสบสุดๆ...นักการเมือง 2 ฝ่ายแย้ม "นายกอยู่ต่อ" อย่างมีนัยยะ
- ด้าน ปชป.คงเล็งเห็นแล้วว่า "รัฐธรรมนูญที่ร่างมามีโทษมากกว่าคุณ หากนำมาใช้งานจริง ซึ่งขัดต่อความเป็นนักการเมืองอาชีพโดยสิ้นเชิง
- และ ปชป.ก็คงเล็งเห็นอีกว่า "โลกรุมสกัมประเทศไทย" ในหลักคิดแบบอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง
- แถมท้ายด้วยวิกฤติเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวยาก หากขาดไอเดียแบบ CEO ชั้นนำที่โลกยอมรับ...ดื้อดึงเลือกตั้งเร็วไป ยิ่งประสบแต่ปัญหา

...........................................................................

- ฝ่ายพรรคเพื่อไทยและ นปช.คงเล็งเห็นเนื้อร้ายใน รธน.ฉบับรับร่างวาระ 1 เช่นกันว่า มันคือหายนะทางการเมืองในอนาคต
- แม้เพื่อไทยและ นปช.จะมีหนทางแก้ไขเพราะมี CEO ชั้นนำที่โลกยอมรับและบุคลากรในหลักประชาธิปไตยที่เชื่อมโลกได้ แต่เมื่อสังคมไทยฝ่ายคิดต่างยังชื่นมื่นกับรัฐทหารอยู่คาดว่า "จะไม่รีบ" เอาให้ชินและชากันไปข้างหนึ่ง
- ยิ่งลากยาว ฝ่ายประชาธิปไตยยิ่งได้ประโยชน์ เพราะภายหลังจากเศรษฐกิจ สังคม การเมือง บอบช้ำถึงขีดสุด ใครก็ต้องเรียกหา "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" เช่นเดิม

...........................................................................

-ด้านนักวิชาการ อาจใช้หลักที่ยึดมั่นถามหาความเป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว แต่สุดท้ายก็ต้อง "ติติงและสาละวนอยู่กับการมุ่งให้แก้ไขกติกาและเร่งเขียนกติกาให้เป็นสากล

...........................................................................

สรุปในโต๊ะปรองดองเห็นพ้องกันว่า "เชิญนั่งทับขี้ต่อไปเถอะ" ประเทศนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หากเราทั้งหลายเข็ดขยาดกับการรัฐประหาร ก็จะได้เป็นอุทาหรณ์สอนลูกสอนหลานว่า "ทีหลังอย่าทำ"

สอดรับกับ ภาพทักษิณที่ถ่ายคู่กับมิเตอร์ต่างประเทศที่มีอักษรสื่อความหมายว่า "wait".....รอได้ไม่รีบ

"แสบมั๊ยล่ะ!!!!" 555555

กฤษณะ พุ่มสนธิ์

ooo


"บิ๊กตู่"หนักใจ! ทำไม่ได้อย่างหวัง วอน นักการเมือง-สื่อ-อจ. ต้องรู้ว่าตัวเองทำผิดด้วย (คลิป)


ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

นายกฯชี้เชิญตัวแทนพรรคการเมืองคุยปรองดอง หากไม่หยุดให้สังคมตัดสินเอง รับหนักใจไม่สามารถแก้ปัญหาตามที่ตั้งใจไว้ได้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป. เชิญตัวแทนสองพรรคการเมืองใหญ่ สื่อมวลชน คอลัมนิสต์ และนักวิชาการมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549-2557 เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ ไม่ใช่เป็นการเรียกมาปรับทัศนคติ ซึ่งหลายคนเคยถูกเชิญตัวมาพูดคุยก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่เข้าใจและยังวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องซึ่งเรื่องนี้จะให้สังคมตัดสินเองไม่ใช่จะให้ตนใช้อำนาจทุกเรื่องและเห็นว่าคนเหล่านี้ควรจะมีหัวใจที่ปรองดองที่จะช่วยกันทำให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์ไม่ใช่จะให้ใช้กฎหมายที่แรงขึ้นเพราะหากมีการบังคับก็ไม่ยอมรับ ขณะเดียวกันต้องรู้ว่าตัวเองทำผิดด้วย ซึ่งการปรองดองต้องเริ่มที่หัวใจไม่ใช่ไปยกเลิกทางกฎหมาย และไม่ว่าใครกระทำผิดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรียอมรับว่ามีความหนักใจที่ไม่สามารถแก้ปัญหาตามที่ตั้งใจไว้และยอมรับว่าทุกปัญหามีความท้าทายมีความเสี่ยงตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด เพราะหากต่างชาติรับรู้จะมองว่าประเทศไทยเสียหาย ยอมรับทุกคนหวังดีต่อประเทศรวมถึงนักการเมืองที่ดีมีจำนวนมาก แต่ต้องรู้ตัวและปรับตัว ขณะเดียวกันจะมากดดันการทำงานของตนไม่ได้เพราะตนไม่ได้ถูกเลือกเข้ามา แต่เข้ามาด้วยวิธีพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง