วันจันทร์, เมษายน 20, 2558

เครือข่ายปชช.อีสานออกแถลงการณ์ย้ำ “ผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล ไม่ใช่คำตอบพัฒนาคุณภาพชีวิต



ที่มา เวป ประชาธรรม
วันที่ 19 เมษายน 2558

มายาคติเรื่อง “อีสานแล้งซ้ำซาก” กลายเป็นช่องทางของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องน้ำเพื่อนำเสนอโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานตลอดมา “โครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล” นับเป็นโครงการล่าสุดที่ กรมชลประทาน และ มูลนิธิน้ำและคุณภาพชีวิต ต่างผลักดันจะให้เกิดขึ้นให้ได้ในยุคนี้ ทั้งที่ปัจจุบันนี้แม่น้ำโขงนั้นมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศมาก เนื่องจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบนและเขื่อนที่กำลังก่อสร้างคือเขื่อนไซยะบุรี ได้ส่งผลต่อการไหลของแม่น้ำโขงและระดับน้ำที่ขึ้นๆลงๆอย่างเห็นได้ชัดทำให้เราไม่สามารถจะกำหนดทิศทางของน้ำได้ ประกอบกับปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอที่จะผันเข้ามาเติมในภาคอีสานอย่างแน่นอน และในฤดูฝนเองน้ำในภาคอีสานก็มีมากอยู่แล้ว จะผัน ไปเก็บที่ไหน นี้คือความจริงที่รัฐจะต้องกล้าที่จะฟังเสียงของคนลุ่มน้ำ ไม่ใช่เร่งแต่จะผลักดันโครงการอย่างเดียวเพื่อนำงบประมาณมาตอบสนองคนแค่ไม่กี่กลุ่ม

บทเรียนการจัดการน้ำด้วยโครงการขนาดใหญ่ในอีสานกว่า 40 ปี แทบจะเป็นบทสรุปความล้มเหลวในทุกโครงการ ได้แก่ โครงการโขง-ชี-มูล เขื่อนปากมูล โครงการชลประทานระบบท่อ โครงการน้ำแก้จน ฯลฯ ผลที่เกิดจากโครงการเหล่านี้ได้ทำให้ระบบนิเวศสำคัญของอีสานพังพินาศไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ การแพร่กระจายของดินเค็ม การสูญเสียที่ดินทำกิน การสูญเสียพันธุ์ปลาและความหลากหลายทางชีวภาพ ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ต้องประสบปัญหาและรอการแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้มามากกว่า 20 ปี และผ่านมาแล้ว มากกว่า 10 รัฐบาล โครงการบางแห่งก็กลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลวประจานผลงานภาครัฐ บทเรียนและงบประมาณรัฐหลายแสนล้านบาทเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างคุ้มค่าและสร้างปัญหามากมายในภายหลัง แต่ก็ไม่ได้ทบทวนแนวทางรูปแบบโครงการแต่อย่างใด กลับจะเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่โดยละเลยกระบวนการและขั้นตอนที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญและติดตามมาตลอด และยังวนเวียนซ้ำซากกับโครงการแบบเดิมๆ ที่เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เงินมากขึ้น และสร้างผลกระทบมากขึ้น

ในยุคที่ทางหน่วยงานรัฐยังพยายามผลักดันโครงการเมกะโปรเจคนี้ โดยไม่คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของอีสาน การโหมข่าวว่า ภาคประชาชนเห็นด้วยต่อโครงการนี้ และการใช้งานวัฒนธรรมประเพณีของคนลุ่มน้ำโขง ในวันที่ 18 เมษายน 2558 ที่แก่งคุดคู้ จังหวัดเลย เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ นับเป็นวิธีการที่ถือว่าไม่จริงใจ และไม่เคารพวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น

พวกเราองค์กรประชาชนต่างๆ ขอแสดงจุดยืน “ไม่เห็นด้วยกับโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล” และหาก กรมชลประทาน และ มูลนิธิน้ำและคุณภาพชีวิต ในฐานะผู้ผลักดันโครงการมีความจริงใจ ก็ควรจะมีการเปิดเผยข้อมูลและเปิดเวทีให้ประชาชนทั้งภาคอีสาน ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ได้แสดงความคิดเห็นและเปิดให้มีการถกเถียงกันถึงความจำเป็นของโครงการ รวมทั้งให้โอกาสประชาชนได้เสนอทางเลือกอันหลากหลายในการจัดการน้ำที่สอดคล้องกับระบบนิเวศอีสานทั้งหมดที่ประกอบไปด้วย พื้นที่ทาม ทุ่ง โคก ภู ซึ่งมีลักษณะจำเพาะของแต่ละพื้นถิ่นและสามารถพัฒนารูปแบบที่หลากหลาย สอดคล้อง มีความยั่งยืนกว่า ถูกกว่า บริหารจัดการง่ายกว่า โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ หรือใช้แม่น้ำระหว่างประเทศเลย กรมชลประทานไม่ควรสร้างภาพ บิดเบือน และสมรู้ร่วมคิดกับภาคประชาชนจอมปลอม ทำการรวบรัดตัดตอนดำเนินโครงการ โดยออกแบบกำหนดรูปแบบวิธีการทางวิศวกรรมทั้งหมดเอาไว้แล้ว โดยไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของภาคอีสาน รัฐจึงควรจะให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมที่แท้จริง ไม่ใช่มีส่วนร่วมเพียงแค่ทำไปตามรูปแบบขั้นตอนให้เสร็จๆ ไปตามกฎหมายทั้งที่ได้กำหนดทุกอย่างเอาไว้แล้ว ประชาชนคนอีสานไม่ควรถูกบังคับให้ยอมรับการพัฒนาที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนด และนำความหายนะมาให้เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

รัฐต้องหยุด! โครงการผันน้ำ โขง เลย ชี มูล และหาวิธีจัดการน้ำที่ยั่งยืนกว่าร่วมกับประชาชนคนอีสาน

อนึ่ง องค์กรเครือข่ายที่ลงนามในแถลงการณ์ฉบับนี้ประกอบด้วย เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน การจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชีตอนล่าง กลุ่มศึกษาการพัฒนาภาคอีสาน โครงการทามมูล จ.สุรินทร์ เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมอีสาน ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำโขง(กรณีคัดค้านเขื่อนปากชม) อ.ปากชม จ.เลย กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลุ่มน้ำลำพะเนียง จ.หนองบัวลำภู กลุ่มเกษตรและประมงพื้นบ้านเชียงคาน กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา ศูนย์ข้อมูลชุมชน (ศขช) กป.อพช.อีสาน สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เครือข่ายคนรุ่นใหม่กลุ่มลุ่มน้ำโขงศึกษา สถาบันชุมชนลุ่มน้ำโขง และมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ(ประเทศไทย)