วันพุธ, สิงหาคม 02, 2560

น.พ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล บรรยายบรรยากาศ และความรู้สึกในห้องพิจารณาคดี นายกยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีโครงการจำนำข้าว





วันนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปนั่งในห้องพิจารณาคดี ของศาลในคดีโครงการจำนำข้าวของนายกยิ่งลักษณ์

บรรยากาศในห้อง ก็เหมือนในศาลทั่วไป คือดูเคร่งครัด น่าเกรงขาม ห้ามนั่งไขว่ห้าง ลุกยืนเมื่อผู้พิพากษาเดินเข้า ออก แต่ที่แตกต่างคือ มีองค์คณะผู้พิพากษา มากถึง 9 ท่านและทราบมาว่า ทุกท่านจะนั่งในตำแหน่งเก้าอี้ตัวเดิม ในทุกนัด

ในห้อง น่าจะมีความจุได้กว่า 100 คน
มีตัวแทนสถานทูตและองค์การระหว่างประเทศ ชาวต่างประเทศ กว่า 10 คน นั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่นับมีผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศ ซึ่งศาล จัดที่นั่งเผื่อไว้ให้โดยเฉพาะ และบรรดาอดีตสส. และรัฐมนตรี

1 ชั่วโมงเต็ม ที่นายกยิ่งลักษณ์ แถลงปิดคดี แม้จะเป็นการอ่านจากเอกสารที่เตรียมมา แต่น้ำเสียง จังหวะการแถลง เหมือนพูดสดๆ มีความจริงจัง และแฝงด้วยความรู้สึกในทุกความหมาย ภาษาที่ใช้ก็เป็นสำนวนบ้านๆ เข้าใจง่าย. ไม่ใช่ภาษากฎหมาย ที่ยากแก่การเข้าใจ เรียบเรียงเป็นประเด็น มีรายละเอียด อธิบายด้วยเหตุผล. บอกเล่ากระบวนการทำงาน การสั่งการ การกำกับดูแล และความเชื่อมโยง บทบาทของหน่วยราชการต่างๆมากมาย ของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว

และที่น่าสนใจ คือ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ยกคำพูดของหัวหน้า คสช. มาชี้ให้ศาลเห็นถึงการชี้นำ อธิบายพฤติกรรมของปปช. ในความไม่ชอบตามกระบวนการยุติธรรมอย่างละเอียด

ผมนั่งมอง เห็นนายกหญิงคนแรกของประเทศนี้ นั่งต่อหน้าองค์คณะผู้พิพากษา ในฐานะจำเลย มันทำให้รู้สึกสะท้านในอก ตันตื้น ในใจ ถามตัวเองว่า นี่ประเทศไทยหรือ ที่นายกรัฐมนตรี ที่ทำงาน ตามโครงการที่หาเสียง ตามขั้นตอนระเบียบปฎิบัติราชการ เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องชาวนา
แต่เพียงเพราะ ความพยายามทำลายล้างกันทางการเมือง วันนี้ จึงต้องนั่งอยู่หน้าห้อง ในฐานะเป็นจำเลย

ระหว่างการแถลง ทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าห้อง ก็จะได้ยินเสียงของมวลชนที่ให้กำลังใจอยู่ด้านนอก ดังเข้ามา แม้ไม่ดังขนาดรบกวนการแถลง แต่ก็ให้เรารับรู้ถึงเสียงกึกก้องของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย มี่รอคอยอยู่หน้าศาล

ในช่วงท้ายของการแถลง ในช่วงบทสรุป เมื่อท่านนายก พูดถึง ชาวนาและความภูมิใจที่ท่านได้ทำโครงการนี้ เพื่อพี่น้องชาวนา ท่านมีน้ำเสียงสะอื้น และหยุดชั่วขณะ ผมคิดว่า มันเป็นน้ำตาของความปิติดีใจที่ท่านได้ช่วยชาวนา ผสมกับความกดดันที่ท่านได้รับ มาตลอดของการสู้คดีนี้

ในช่วงขณะนั้น ผมชำเลืองมอง ผู้เข้าร่วมฟังที่นั่งรอบตัวผม ทุกคนนั่งสงบนิ่ง ผมเห็นอดีตสส.หญิงและพี่ๆผู้หญิงหลายคนที่นั่งข้างผม ข้างหลังผม น้ำตาซึมพร้อมกับเห็นแววตาอดีตสส.และรมต. ชายหลายคน บ่งบอกถึงความเศร้าใจ คงไม่ต่างจากพี่น้องประชาชนที่อยู่หน้าศาล

เมื่อท่านนายก แถลงเสร็จ ท่านประธานองค์คณะ ก็กล่าวสั้นๆ1-2 นาที เรื่องการยกคำร้อง กรณีจำเลยยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ และจบด้วยการนัดหมายฟังคำพิพากษา 25 สิงหาคม และองค์คณะทั้งหมดก็เดินออกจากห้อง




ผมเชื่อเหมือนพี่น้องฝ่ายประชาธิปไตยที่ร่วมให้กำลังใจทั้งที่หน้าศาลและทุกแห่ง ว่าท่านนายกยิ่งลักษณ์ได้ทำมากกว่าดีที่สุดแล้ว สำหรับ การต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่าน

แต่เหนืออื่นใด ท่านได้ยืนยัน ความถูกต้องของหลักการนโยบายแห่งรัฐของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีและต้องรักษาไว้ หากเรายังคิดว่า เราปกครองในระบอบประชาธิปไตยจริง

จากนี้ไป ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอย กระบวนการยุติธรรม ในขั้นตอนสุดท้ายที่ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย เฝ้าคาดหวัง

25 สิงหาคม นี้ ไปพบกันครับ





ที่มา FB

น.พ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล