วันศุกร์, มีนาคม 25, 2559

วิสัยทัศน์ทั่นผู้นำ... รถไฟเร็วสูง เตรียมกู้จีน เอามาจ้างจีนสร้าง แล้วจะจ้างจีนขับไหมเพ่ นี่ไม่รวม เตรียมรัฐเล่นหุ้น...





ซี้ด อูย นายกฯ ลุงตู่ยอดเจ๋ง จะสร้างรถไฟเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ถึงโคราชให้เป็นประวัติศาสตร์ของชาติด้วยตนเอง

“ไม่ร่วมกับจีนแล้วทำเองดีกว่า เพราะเรามีขีดความสามารถและเตรียมงบประมาณไว้แล้ว” ทั่นนาโย้กว่า

“วันนี้เอาแค่สายนี้ก่อนในความยาว ๒๕๐ กม.” จากแผนทั้งหมด ๘๐๐ กิโลเมตร “แต่โครงการดังกล่าวจะมีการต่อเพื่อเชื่อมโยงในวันข้างหน้า จากวันนี้ไปพื้นที่อีสาน วันข้างหน้าก็อาจต่อไปยังหนองคาย อาจเชื่อมโยงไปมาบตาพุด ลาว จีน ปากีสถาน อิเดีย ยุโรป อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าคุ้มทุน เรียกว่ารถไฟสายอนาคต”

“ส่วนเรื่องงบฯนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นลักษณะของรัฐลงทุนโดยใช้เงินกู้” สงสารทั่นเนอะ ‘กู้อีกแล้ว’ ทั้งที่ “วันนี้เรามีวงเงินอยู่แล้วล้านกว่าล้านบาท จะต้องลงทุนพวกโครงสร้างพื้นฐานบ้าง แต่ออกไม่ได้ติดนู้นนี่ ติดอีเอชไอเอ”

(http://www.matichon.co.th/news/82622)

ที่ผ่านมาสองสามเดือน การเจรจากับจีนติดกึกติดกักนักแล้ว เราอยากให้จีนเข้ามาลงทุนเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมด แต่ฝ่ายตัวแทนจีนที่มาเจรจาบอกว่า แหม ถ้าจะให้จีนลงเองต้องไปถามท่านประธานาธิบดี (สี จิ้นผิง) มันยากนี้ดนึง

ฝ่ายไทยก็เลย เออวะ หยวนละมั้ง มันถึงต้องมาลงทั่นผู้นัมบ์แอ่นอกรับ “หากทำรางไว้ก่อนแบบที่เราเคยคิดไว้แล้วเอาความเร็วปานกลางมาวิ่ง วันหน้าต้องเปลี่ยนความเร็วสูงอีกอยู่ดี จึงคิดว่าการลงทุนครั้งนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงระยะเวลานี้” เห็นมั้ย วิสัยทัศน์ทั่นเป็นเลิศ ไม่ได้เอาอย่างใครนะ





แล้วจะไปกู้ที่ไหนล่ะนาย นั่นต้องไปถามเสนาบดีคมนาคม ทั้น รมว. อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เพิ่งแถลงที่กระทรวงเมื่อกี้ (ตอน ๑๐ โมงกว่าๆ วันที่ ๒๕ มี.ค.) จับความตอนระหว่างนาฑีที่ ๙ ถึง ๑๐ ได้เรื่องว่า

“ข้อที่สี่ในเรื่องของการลงทุน เป้นการลงทุนของไทยทั้งหมด ก็ชัดเจน” อย่างทั่นนายกฯ ว่า

แต่ “ข้อที่ห้า...ตรงนี้ ในเรื่องของเงินทุน เราอาจจะพิจารณาในการกู้จากจีน”

(ขอบคุณคลิปจากหน้าเฟชบุ๊คของ Wiphusa Sookmak นักข่าวไทยพีบีเอส https://www.facebook.com/wiphusa.sookmak/videos/10153606333999372/)

เอ้า ตายห่ ไหงกลับไปหาจีนอีกล่ะ กู้จากจีนเอามาจ้างจีนสร้าง แล้วจะจ้างจีนขับให้ด้วยไหมเพ่

เล่นปาหี่กันละสิ แล้วจะมีเล่นแร่แปรธาติด้วยหรือป่าว ก็ไม่รู้ได้ ต่อกรณีที่แบ๊งค์ชาติเพิ่งประกาศว่าต่อนี้ไปจะเอาเงินทุนสำรองออกมาเล่นหุ้น

“ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการแก้กฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ปี ๒๕๕๑ ในการขยายขอบเขตการลงทุนของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ให้สามารถลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้นได้ จากเดิมที่กำหนดให้ลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ พันธบัตร สกุลเงินตราต่างประเทศ และทองคำ”

“เป็นช่องทางการบริหารความเสี่ยงและการกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.วิรไท สันติประภพ เปิดแถลงข่าวพร้อมหน้ารองหญิงทั้งสอง

“โดยหลักการสำคัญจะกระจายความเสี่ยงในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และยังคงวัตถุประสงค์เน้นการลงทุนที่มีสภาพคล่องเป็นหลักเพื่อพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ตลอดเวลา”

“สัดส่วนการลงทุนในหุ้นในช่วงแรก คาดว่าจะทยอยการลงทุนในระดับไม่เกิน ๓-๔ % ของทุนสำรองเฉพาะในส่วนกิจการธนาคารที่มีอยู่ปัจจุบัน ๑.๑๐ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจุบันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดมีอยู่ ๑.๘ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”

(http://www.thansettakij.com/2016/03/25/39847)

ทั่นผู้ว่าฯ อ้างด้วยว่า “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความเสี่ยงส่วนใหญ่จะอยู่ในสกุลเงินตราต่างประเทศไม่ใช่พันธบัตร หากเรามีหุ้นผสมอยู่ด้วยเล็กน้อยจะช่วยลดความเสี่ยงได้





เพราะโดยธรรมชาติสกุลเงินต่างประเทศจะมีความผันผวนประมาณ ๑๐% ต่อปี ซึ่งผันผวนกว่าพันธบัตร และการลงทุนในหุ้นจะช่วยลดการกระจุกตัวความเสี่ยงของค่าเงิน”

แม้ว่าการเล่นหุ้นจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร แต่ในความรู้สึกของนักเล่นหุ้นทั่วไป ความผันผวนของหุ้นในเรื่องผลตอบแทนน่าจะมีมากกว่าพันธบัตร แต่ไหงทั่นผู้ว่าฯ แบ๊งค์ชาติบอกว่า

“แต่จะเห็นว่าเราไม่ได้ลงทุนเยอะ จึงไม่ได้ช่วยเรื่องรายได้แต่ช่วยเรื่องลดความเสี่ยง หรือการจัดพอร์ตอาจจะต้องดูภาพรวม เช่น บางปีผลตอบแทนอาจจะได้ ๑๐% แต่ผลตอบแทนในพันธบัตรอาจจะติดลบ”

นี่ตั้งใจจะบอกกันทื่อๆ เลยหรือว่า การเอาเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปเล่นหุ้นมีความมั่นคงมากกว่าไว้ที่พันธบัตร แบ๊งค์ชาติยุคนี้นี่เจ๋งตาม คสช. ไปด้วยละซี

หากเอออวยตามตรรกะของทั่นผู้ว่าฯ การที่ไม่ได้ลงทุนเยอะ ก็จะไม่สามารถลดความเสี่ยง (หรือเพิ่มความมั่นคง) เรื่องผลตอบแทนได้เท่าไรนัก เช่นกันใช่ไหม

แล้วทำไมต้องมาเปิดพอร์ตกันตอนนี้ มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า เราไม่รู้ เพราะไม่ใช่คนแถวนั้น

ooo


มีอะไรรับรองว่า 'รถไฟประยุทธ์' จะไม่ล้มเหลวเหมือน 'รถไฟไทยจีน'



http://news.voicetv.co.th/thailand/343458.html

by ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์25 มีนาคม 2559
Over View ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2559

การประกาศหยุดโครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย-มาบตาพุด แล้วแทนที่ด้วยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช คือการทำให้โครงการเพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศอื่นกลายเป็นโครงการเพื่อผู้โดยสารในประเทศอย่างเดียว ผลก็คือ "รถไฟประยุทธ์"มีความเสี่ยงมาก โดยเฉพาะการใช้งบประมาณประเทศราว 200,000 ล้านบาท โดยไม่มีความชัดเจนถึงผลตอบแทนด้านการเงินและการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างที่ "ยิ่งลักษณ์" และ "ชัชชาติ" เคยทำไว้ผ่านการทำให้รถไฟเชื่อมโยงกับประเทศอื่นและการพัฒนาพื้นที่ข้างเคียง...มีอะไรเป็นหลักประกันว่าโครงการรถไฟโคราชของรัฐบาลนี้จะไม่ล้มเหลวเหมือนโครงการรถไฟไทย-จีน