วันพฤหัสบดี, มกราคม 21, 2559

ในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันพุธ สหรัฐฯ จะแสดงท่าที หลังได้รับรายละเอียดเพิ่มเติม กรณี จ่านิว ถูกกลุ่มชายแต่งกายชุดทหารอุ้ม - มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เรียกร้องตรวจสอบ ลงโทษวินัย อาญา จนท.ที่เกี่ยวข้อง




https://www.youtube.com/watch?v=gFshkWltzWo

นาทีที่ 54.10


ในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันพุธตามเวลากรุงวอชิงตัน ดีซี. รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์ก ซี. โทเนอร์ ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวหลังมีข่าวด่วนในเมืองไทย ว่า นักกิจกรรมนักศึกษา ชื่อ จ่านิว ถูกกลุ่มชายแต่งกายชุดทหารอุ้มไปจากท้องถนน

นายโทเนอร์กล่าวตอบว่า ตนเห็นรายงานข่าวนี้แล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด ในชั้นนี้ ตนขอกล่าวเพียงว่า สหรัฐฯวิตกต่อกรณีที่ยังคงมีการลิดรอนสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานต่างๆในประเทศไทย อาทิ การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ
“สหรัฐฯขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก รวมทั้งสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ สำหรับกรณี จ่านิวนี้ เมื่อเราได้รับรายละเอียดเพิ่มเติม เราจะแสดงท่าที” รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว

http://www.state.gov/r/pa/prs/dpb/2016/01/251537.htm#THAILAND

...

QUESTION: A quick one on Thailand?

MR TONER: Sure. Thailand?

QUESTION: Yeah. In Bangkok, a student activist named Ja New was picked up on the streets by people dressed at least as soldiers. Do you have any reaction to this?

MR TONER: I’ve seen reports. I just can’t – I don’t have enough details to comment on the specific case --

QUESTION: Can you look at the --

MR TONER: -- other than to say – I’ll just say other than we remain concerned by continued limitations on human rights and fundamental freedoms in Thailand, including undue restrictions on freedom of expression and peaceful assembly, and would urge the Thai Government to ensure full respect for freedom of expression and other human rights and fundamental freedoms. As to this specific case, as we get more details, we’ll comment.

Please, sir.

ooo

เรียกร้องตรวจสอบกรณีบุกอุ้ม 'จ่านิว' -ลงโทษวินัย-อาญา จนท.ที่เกี่ยวข้อง


ภาพจากกล้องวงจรปิด จะเห็นรถปิคอัพสีบรอนซ์เงินจอดหน้าประตูเชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และมีเจ้าหน้าที่เดินลงมาอย่างน้อย 5 นาย เพื่อควบคุมตัวสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่กำลังเดินกลับเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย (มุมซ้ายของจอภาพ) ก่อนนำตัวขึ้นรถปิคอัพสีบรอนซ์เงิน ที่จอดขวางประตูเชียงราก (กลางจอภาพ) และขับรถมุ่งไปทางถนนพหลโยธิน ขณะที่มีรถปิคอัพสีน้ำเงิน ขับตามประกบ


ที่มา ประชาไท
Thu, 2016-01-21 13:26

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมออกแถลงการณ์กรณีบุกอุ้ม "จ่านิว" กลางดึก เรียกร้องเร่งตรวจสอบว่าเป็นการกระทำของหน่วยงานใด พร้อมให้แสดงความรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิ และดำเนินการทางอาญาและวินัยต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว

21 ม.ค. 2559 จากกรณี สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ถูกชายในเครื่องแบบทหารบุกอุ้มบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. เมื่อคืน (20 ม.ค.) ที่ผ่านมา มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์ เรื่อง "ยุติการจับกุมผู้ต้องสงสัยตามหมายจับโดยวิธีการอุ้ม" โดยเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างจริงจังและอย่างเร่งด่วนว่าเป็นการกระทำของผู้ใด หน่วยงานใด และขอให้มีการแสดงความรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าว รวมถึงทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดพฤติกรรมอุกอาจรุนแรงต่อนักกิจกรรมทางสังคม นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีก พร้อมกันนี้ยังขอให้มีการดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำดังกล่าวด้วย

"การอุ้มหายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย โดยรัฐจะต้องไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะสถานการณ์ เหตุผล หรือต่อบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น" แถลงการณ์ระบุ


แถลงการณ์ ยุติการจับกุมผู้ต้องสงสัยตามหมายจับโดยวิธีการอุ้ม


ตามที่เป็นข่าวในทางสาธารณะและสื่อออนไลน์ว่ามีการจับกุมนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 20 มกราคม 2559 โดยภายหลังมีการเผยแพร่ภาพวงจรปิดของทางมหาวิทยาลัยพบเห็นเป็นกลุ่มบุคคลแต่งกายแบบทหารมาด้วยรถกระบะจำนวนสองคัน เดินออกจากรถเข้าจับกุมชายใส่เสื้อสีขาวแล้วขึ้นรถกระบะขอออกไปจากบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (ฝั่งประตูเชียงราก) ขณะนั้นนายสิรวิชญ์ฯ และเพื่อนจำนวนสองคนกำลังเดินบนทางเดินทางหลังจากการรับประทานอาหาร เพื่อนทั้งสองคนจึงเป็นพยานเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจนพร้อมกับกลุ่มประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง สถานที่เกิดเหตุอยู่บนถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมา ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งนอกจากเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในร่างกายนายสิรวิชญ์แล้ว ยังเป็นการกระทำที่อุกอาจในพื้นที่สาธารณะที่คุกคามสิทธิมนุษยชนสร้างความหวาดกลัวในชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนเป็นการทั่วไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งมีหมายความว่า การจับกุมคุมขังลักพาหรือกระทำด้วยประการใดที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพในร่างกายต่อบุคคลซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ได้รับคำสั่งการสนับสนุนหรือการรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่รัฐ และมีการปฏิเสธว่ามิได้มีการจับกุมคุมขังลักพาหรือกระทำการนั้น แม้ว่าการบังคับให้สูญหายในกรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เพราะต่อมาได้มาการนำตัวมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนิมิตรใหม่ ในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 21 มกราคม 2559 ดังปรากฏในบันทึกการจับกุมซึ่งจัดทำขึ้นในเวลา 03.00 น. โดยอ้างว่าเป็นการติดตามจับกุมตามหมายจับ

จากกรณีที่เกิดขึ้นนี้มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเห็นว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวและจับกุมผู้ต้องสงสัยตามหมายจับศาลทหารนั้นต้องกระทำตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา และซึ่งเป็นหลักการที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้และมาตรฐานระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน อีกทั้งต้องหลีกเลี่ยงการดำเนินการในเวลากลางคืน เนื่องจากนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์มิได้เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่มีความรุนแรงหรือมีพฤติกรรมไปในทางการใช้ความรุนแรง นายสิรวิชญ์เป็นนักกิจกรรมนักศึกษาที่ดำเนินกิจกรรมทางสังคมเพื่อการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งทางราชการสมควรมีวิธีการที่ละมุนละม่อมและการดำเนินการตามกฎหมายอาญาอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ กระบวนการยุติธรรมทางอาญาได้กำหนดขึ้นเพื่อบุคคลทุกคนภายใต้กฎหมายเดียวกัน รวมทั้งผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองหรือผู้ที่ถูกออกหมายจับโดยศาลทหาร และหากมีการควบคุมตัวในสถานที่เปิดเผยซึ่งได้รับรองอย่างเป็นทางการ ต้องไม่ควบคุมตัวโดยปราศจากการติดต่อกับโลกภายนอก และจะต้องสามารถเข้าถึงทนายความและแพทย์ที่เป็นอิสระ เป็นต้น ด้วยสิทธิดังกล่าวเหล่านี้เป็นหลักประกันเพื่อคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ป้องกันการถูกซ้อมทรมานการอุ้มหายและการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรี รวมทั้งสิทธิในชีวิตของผู้ถูกควบคุมตัวและจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นในลักษณะเป็นผู้กระทำความผิดมิได้

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเสนอให้นายกรัฐมนตรีโปรดดำเนินการดังนี้

1. ขอให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจังและอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์คืนวันที่ 20 มกราคม ต่อเนื่องวันที่ 21 มกราคม 2559 ว่าเป็นการกระทำของผู้ใด หน่วยงานใด และขอให้มีการแสดงความรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าว และทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดพฤติกรรมอุกอาจรุนแรงต่อนักกิจกรรมทางสังคม นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีก

2. เมื่อปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงที่เชื่อได้ว่า การบังคับบุคคลให้สูญหาย ได้แก่ การจับ ควบคุมตัว ลักพาตัว หรือวิธีการอื่นใดในการทำให้บุคคลสูญเสียอิสรภาพ กระทำโดยตัวแทนของรัฐ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลโดยการอนุญาต การสนับสนุน หรือ การรู้เห็นเป็นใจจากรัฐ และรัฐปฏิเสธการกระทำนั้น หรือโดยปกปิดชะตากรรม หรือสถานที่อยู่ของบุคคลนั้น ทำให้บุคคลนั้นต้องตกอยู่ภายนอกความคุ้มครองของกฎหมาย ขอให้มีการดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำดังกล่าวด้วย

การอุ้มหายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย โดยรัฐจะต้องไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะสถานการณ์ เหตุผล หรือต่อบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น