วันเสาร์, กันยายน 26, 2558

แกนนำแดง ปลุกผู้ลี้ภัยเพราะรัฐประหาร ฟ้องแพ่ง"ประยุทธ์"ที่ศาลแมนฮัตตัน นิวยอร์ค โดยเรียกร้องให้ อ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ดำเนินการยื่นฟ้องเป็นคนแรก




https://www.youtube.com/watch?v=AAEZek6ggQE

แกนนำแดง ปลุกผู้ลี้ภัยเพราะรัฐประหาร ฟ้องแพ่ง"ประยุทธ์"ที่ศาลแมนฮัตตัน นิวยอร์ค

jom voice

Published on Sep 25, 2015

พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ Thaivoiemedia กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย เดินทางมาร่วมประชุม ยูเอ็น ที่ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ว่า คนไทยที่ลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร สามารถยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเขตพื้นที่ศาลแมนฮัตตัน สหรัฐอเมริกา ได้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ พักชั่วคราวขณะนี้ ในข้อหาการละเมิดสนธิสัญญาเจนีวาซึ่งไทยเอ­งเป็นภาคีอยู่ด้วย เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้อำนาจยกเลิกหนังสือเดินทาง จับกุม คุมขัง ญาติพี่น้องในประเทศไทย รวมทั้ง การละเมิดสิทธิเสรีภาพของอย่างร้ายแรง โดยเรียกร้องให้ อาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศและถูกย­กเลิกหนังสือเดินทาง ห้ามเข้าประเทศไทย ดำเนินการยื่นฟ้องเป็นคนแรก

เรื่องเกี่ยวข้อง...

ไม่ทราบว่าทั่นผู้นำมา NY ครานี้ เคยได้ยิน Alien Tort Claim Act of 1789 บ้างหรือเปล่า?



ส่วนหนึ่งของโพสต์จากคุณดวงจำปาใน FB ส่วนตัว เรื่อง Tha Alien Tort Claims Act


เรื่องที่น่าคิดจริงๆ คือ อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าท่านผู้นำหรือ "คณะของท่าน" มีกำหนดการ "ออกมาเดินเพ่นพ่าน" นอกเขตของ United Nations หรือ ออกมาชอปปิ้งกัน ตามสถานที่ที่ถือว่า อยู่ในเขตบังคับใช้กฎหมายหรือ Jurisdictions ของ US?

"คณะผู้ติดตาม" มีวีซ่าเข้า US หรือเปล่า? "คณะผู้ติดตาม" เป็นใครกันบ้าง? แจ้งให้กับทางการ US ตรวจสอบก่อนหรือเปล่า? เป็นหน้าที่ของทางฝ่าย US ในการอารักขาและรักษาความปลอดภัยหรือไม่?

และมันยังมีเรื่องของ Presidential Proclamation ที่ประธานาธิบดีโอบาม่าลงนามไว้ เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเข้ามาพ่วงอีกหนึ่งด้วย (ถึงแม้จะอยู่ในระดับ Proclamation แต่มันก็ยังมีน้ำหนักอยู่)
(ดู  https://www.whitehouse.gov/the-press-office/2011/08/04/presidential-proclamation-suspension-entry-immigrants-and-nonimmigrants-)

เรื่องที่จะ "มีคำถาม" ก็คือ เรื่อง Human Rights Abuses นั้น มันไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองทางการทูต, ไม่มี Diplomatic Immunity เพราะเป็นการละเมิดกฎกติกาหลายอย่าง เนื่องจากว่า ประเทศไทย ลงนามให้สัตยาบันเรียบร้อยแล้ว กับ "กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง" หรือ International Covenant on Civil and Political Rights (ICCPR)

---------------------------------------------

ดังนั้น บุคคลทางการทูตคนใด ที่วางแผนให้ท่านผู้นำและคณะที่เดินทางมาด้วย "ออกมาเดินเพ่นพ่าน" ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ของ U.N. ก็ควรจะรับทราบไว้่ด้วย เพราะ Jurisdiction ของท่านผู้นำนั้น มีอยู่อย่างจำกัด และมีน้อยมากๆ

เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าจะ apply แต่ท่านผู้นำเท่านั้น แต่มันยังครอบคลุมไปถึง คณะของท่าน ที่เดินทางพร้อมมากับท่านทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็น ภรรยา, ผู้ช่วย, เลขานุการ ฯลฯ

จึงอยากเห็นบุคคลอย่างเช่น นายสรรเสริญ หรือ โฆษกที่พูดจากันหน้าไมค์โครโฟนเหล่านี้ เดินทางมาด้วยจริงๆ เนื่องจากพวกนี้ คือ "เป้าหมาย" เหมือนกันหมด

---------------------------------------------

เพราะ ถ้าพวกเขาตัดสินใจไป "Shopping" กันที่ Time Square หรือ Manhattan เมื่อไร นั่นก็หมายความว่า ท่านเข้ามาในเขตบังคับใช้กฎหมาย (Jurisdiction) ของ US แล้ว (ระวังเรื่องการใช้รถทางการทูต ไป shopping แบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็แล้วกัน... เพราะกล้องถ่ายรูปต่างๆ มันไม่ "หลอก" ใครต่อใครแน่นอน) และ ถ้า "ลูกน้อง" ของท่านคนใด ละเมิดเรื่องนี้แล้ว มันสามารถพ่วงไปถึงทุกๆ คนได้

และการที่จะเอา รปภ มาห้าม ไม่ให้คนถ่ายรูปใน US นั้น ทำไม่ได้แน่นอน เพราะท่านกำลังละเมิด First Amendment Right ภายใต้เขตบังคับใช้กฎหมายของ U.S. กันอยู่

เรื่องที่แน่ใจคือ ไม่มีใครไปรบกวนท่านหรือพวกท่านในเวลานั้นหรอก เพราะเขากำลัง "เก็บหลักฐาน" เพื่อ "มัด" แบบ "ดิ้นไม่หลุด" อยู่ เห็นเขาเงียบๆ ปล่อยให้พวกท่านไป Shopping อย่างสำราญใจนั้น ไม่ใช่ว่า เขาไม่สนใจอะไร

แต่ในทางตรงข้าม หลักฐานต่างๆ มันจะกลับมา "ยืนยัน" เอง...

และมั่นใจมากๆ ว่า คงมีบุคคลทางกฎหมายอีกหลายๆ คน กำลังจ้องแบบ "ตาเป็นมัน" อยู่ ...

---------------------------------------------

เมื่อคณะผู้ติดตามไม่มี Visa เข้ามาใน US แต่ทำการตามใจตนเอง ด้วยการติดตาม พ่วงไปกับกลุ่ม Diplomats หรือ นักการทูต เพื่อจะไปท่องเที่ยวหรือช้อปปิ้งกัน นอกเขตของ United Nations' Jurisdiction ก็เชิญทำกันได้ตามสบายนะคะ

แต่ถ้าข่าวหลุดออกมาในโลกดิจิตอลเมื่อไร เมื่อนั้น สถานะทางการทูตจะมีปัญหาตามมาแน่นอน เกี่ยวกับเรื่อง การใช้ diplomatic immunity ให้กับกลุ่มและพรรคพวกของตนเอง เนื่องจาก กลุ่มที่มาด้วยนั้น ไม่มีวีซ่าเดินทางเข้ามาใน US แต่อย่างใด...

ส่วนผู้ไป "ต้อนรับ" ท่านผู้นำนั้น ก็คงจะทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า ตนเอง มีสถานะอะไร อยู่ที่ไหน กฎหมายอะไรที่ใช้บังคับกัน อันนี้เป็นสิทธิ์ของท่านโดยตรง

---------------------------------------------

บุคคลในคณะของท่านผู้นำ น่าจะลองไปค้นคว้าเรื่อง Alien Tort Claim Act (ATCA) กันไว้ก่อน ก็จะดีไม่น้อย เพราะมันมีสาระว่า ทำไม คนต่างชาติถึงถูกฟ้องได้ในศาลของ US ได้?

และจากนั้น (ตามที่ทาง ชุมชนแห่งเสรีภาพ กล่าวไว้) หน้าที่ของพวกท่าน คือ การมา Defense เคสในศาลที่นี่ ท่านต้องพิสูจน์ได้ว่า การกระทำทุกอย่างของท่านนั้น ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด

ดูเอาเองก็แล้วกันว่า ATCA นั้น นำมาใช้กันแล้วกี่ประเทศตามรูปที่ลงไว้...

หวังว่า ท่านคงจะไม่ Cancel ทริปนี้ เพราะใครต่อใคร เขาฝากความหวังกันไว้เป็นอย่างเต็มเปี่ยมว่า มันหาโอกาสยากจริงๆ ที่ท่านจะเดินทางออกมานอกประเทศแบบนี้ ......

---------------------------------------------

และเมื่อท่านเดินทางออกมาแล้ว ก็ขอให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยว่า คนที่อยู่ข้างหลังนั้น จะปฎิบัติการอย่างไรเมื่อท่านไม่อยู่....

อย่าลืมว่า เมื่อ 9 ปีที่แล้ว มีท่านผู้นำคนหนึ่ง ถูกหักหลัง หลังจากเดินทางออกนอกประเทศ มายังสถานที่เดียวกันกับ ท่านผู้นำ เสียด้วย...

ท่านเชื่อใจหรือไว้ใจ คนที่อยู่ข้างหลังได้มากน้อยประการใด... และเมื่อท่านออกมาแล้ว ดิฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะมีประเทศอื่นๆ "อ้าแขน" รับพวกท่านไว้....

ไม่ใช่เป็นแบบว่า ในสัปดาห์หน้า จะมีข่าวลือกันเรื่อง "รัฐประหารซ้อน" กระหึ่มก่อนเวลาที่คณะท่านผู้นำจะออกเดินทาง....

หวังว่า "ประวัติศาสตร์" คงจะไม่ "ซ้ำรอย" ....

Doungchampa Spencer-Isenberg