วันจันทร์, มีนาคม 30, 2558

สอบตก ICAO ระเบิดเวลาลูกแรกได้เริ่มปะทุขึ้นแล้ว




กรณีกรมการบินพลเรือนสอบตก ICAO

ระเบิดเวลาลูกแรกได้เริ่มปะทุขึ้นแล้ว.....29 มีค. 2558

สืบเนื่องจากบทความ "ระเบิดเวลาประเทศไทย" ของ ดร.วิรไท สันติประภพ ในคอลัมน์ 'เศรษฐศาสตร์พเนจร' วันที่ 11 มีค. ที่ผ่านมา

ดร.ก็ได้พูดถึงความกังวลที่มีต่อความอ่อนแอและบกพร่องของระบบราชการไทยที่มีอยู่อย่างมากมาย มีปัญหาที่ถูกละเลยและซุกซ่อนไว้ใต้พรมกระจายอยู่แทบทุกหน่วยงานตลอดมา โดยหนึ่งในตัวอย่างที่ยกมา ก็ได้แก่ความบกพร่องร้ายแรงของกรมการบินพลเรือน ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติร้ายแรงด้านอุตสาหกรรมการบิน และอาจลามไปสู่การท่องเที่ยวและด้านอื่นๆ ด้วย

ดร.ก็ระบุว่า ความอ่อนแอของระบบราชการไทยจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่จะทำให้เกิดปัญหาถึงขั้นวิกฤติได้

ผมเองก็ได้พยายามวิเคราะห์ให้เห็นตลอดมาว่า ทั้งๆ ที่โลกได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐที่ แสนดี และ แสนเก่งนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ประเทศเรากลับมุ่งขยายภาครัฐไม่หยุดหย่อน ทั้งรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินของรัฐ นโยบายประชานิยมสุดขั้วที่ซ่อนความเสียหายไว้ รวมทั้งระบบราชการที่สถาบันอนาคตไทยศึกษาระบุว่าขยายจำนวนถึง 50%ในสิบปีที่ผ่านมา และมีเงินเดือนสวัสดิการรวมเพิ่มถึงสามเท่าตัว นี่เองคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรากลายเป็น คนป่วยคนใหม่ของเอเชีย (The New Sick Man of Asia)
 
เหตุการณ์ที่เกิดที่กรมการบินพลเรือน ซึ่งถือว่าเป็นกรมเกรดเอ นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ....International Civil Aviation Organization (ICAO) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ ทำหน้าที่กำหนดและตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ทางด้านการบินพลเรือน ได้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการควบคุมสายการบินของเราพร้อมๆ กับประเทศอื่นๆ ในASEAN เมื่อต้นปี แล้วประกาศผลไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์

ซึ่งผลนั้นคงทราบกันดีแล้วว่า เด็กชายไทยแลนด์สอบตกยับเยินได้ที่โหล่ เราได้คะแนนแค่ 35.6% แพ้แม้กระทั่งเขมร (40.2%) อินโดฯ (45.1%) ซึ่งเป็นอีกแค่สองชาติที่สอบตกได้ไม่ถึงครึ่ง

ส่วนบรูไน พม่า ลาว ที่ต่างก็มีเครื่องบินพลเรือนไม่กี่ลำ ต่างก็ได้ 65% คะแนนเกือบสองเท่าเรา ส่วนมาเลย์เซีย ที่เครื่องเพิ่งตกไป 3 ลำในปีเดียวก็ผ่านฉลุย 81% ส่วนสิงคโปร์ของท่านลีนั้นไม่ต้องพูดถึง ฟาดไป 98.9% เกือบสูงสุดในโลกควบคู่ไปกับ UAE ที่มี Emirates กับ Ethihad

(เห็นได้ชัดว่าคู่แข่งเจ้าจำปีเราอยู่ในประเทศที่มาตรฐานสูงลิ่วทั้งนั้น ...แล้วจะไปเหลือเหรอครับ)
 
การตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐานที่ชื่อว่า ICAO Universal Safety Oversight Audit Program (USOAP) ซึ่งล้วนเป็นข้อสอบที่ทุกคนรู้โจทย์อยู่ล่วงหน้าหมดแล้ว ทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อไหร่ ต้องทำเข้มข้นแค่ไหน (เค้าถึงได้เกือบเต็มกันหมดไงครับ) นับว่าง่ายกว่าการที่ให้เด็กไทยไปสอบแข่ง PISA เป็นไหนๆ...

แต่ข้าราชการไทยก็ทำขายหน้ายิ่งกว่าเด็กได้ถึงเพียงนี้ จาก100 กระบวนการที่เขาตรวจสอบ เราสอบผ่านแค่ 21 กระบวนการเท่านั้น เรียกได้ว่ามีแต่ประเทศด้อยพัฒนาแถวอาฟริกาเท่านั้นที่ได้คะแนนห่วยขนาดนี้ ...มันช่างอัศจรรย์ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ และมันก็เลยชวนให้เข้าใจได้อย่างเดียวเท่านั้นว่า ไม่ทำงาน ไม่เอาใจใส่ ไม่รับผิดชอบ ไม่...ฯลฯ

และถัาจะคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เค้าได้ตักเตือนถึงข้อบกพร่องตลอดมา กับ ไอ้สำนักงาน ICAO ของภาคพื้น Asia-Pacific ก็ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครเรานี่เอง โดยรัฐบาลไทยหาท่ีดินพร้อมก่อสร้างให้ฟรีๆ ด้วยซ้ำ ก็ยิ่งจะต้องชอกช้ำกลัดหนองขึ้นไปใหญ่

การสอบตกนี้มีผลอย่างไร....ก็จริงอย่างที่กระทรวงคมนาคมพยายามชี้แจงแหละครับว่า ICAOไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายอะไร มันขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศว่าจะนำไปใช้บังคับมากน้อยอย่างไรหรือไม่ และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกเรื่องความปลอดภัย เพราะมันหมายถึงผู้ตรวจสอบไม่ได้มาตรฐานเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าแต่ละสายการบินจะไม่ปลอดภัย...

แต่นั่นแหละครับ มันเปรียบเสมือนว่า คุณครูเฉื่อยแฉะ นั่งหลับพุงยื่นน้ำลายไหลทั้งวัน ไปสอบก็ตกยับ แล้วจะให้ใครเชื่อล่ะครับ ว่านักเรียนในชั้นล้วนเก่งกาจแข็งแรง มีระเบียบวินัยยอดเยี่ยม...ตอนนี้เลยเห็นได้ชัดว่า หลายชาติ (เช่น ญี่ปุ่น)ได้เริ่มมีมาตรการเข้มงวดกับสายการบินจากไทยแล้ว ห้ามเพิ่มเที่ยวบิน ห้ามเปลี่ยนแบบเครื่องบิน ห้ามเช่าเหมาลำ กับทั้งยังขึ้นตรวจตามเที่ยวบินต่างๆ อย่างเข้มงวด (ซึ่งในอดีต Garuda ของอินโด ที่ประเทศเคยสอบตกเหมือนกัน เคยถูกตรวจพบข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย ก็เลยถูกสั่งห้ามบินเข้ายุโรป 18 เดือน เกือบเจ๊งไป ...ซึ่งถ้าการบินไทยที่ย่ำแย่สาหัสอยู่แล้วโดนเข้าไปก็คงต้องเอวังแน่นอน)
 
ตอนแรกที่เป็นข่าวในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กรมฯ และกระทรวงคมนาคมพยายามบอกว่า น่าจะแก้ไขได้ภายใน 90 วัน...แต่มาวันนี้กลับบอกว่า คงจะทำอะไรไม่ได้ไม่ทันแล้ว คงต้องยอมให้ICAO ยกธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย ซึ่งก็หมายความว่า 28 สายการบินที่ได้รับใบอนุญาติจากไทย เครื่องบินหลายร้อยลำ จะต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะถูกข้อจำกัดต่างๆ ตามแต่ที่แต่ละประเทศจะเห็นสมควร ตั้งแต่จำกัดเที่ยวบิน ลดเที่ยวบิน หรืออาจไปถึงงดบินเลยก็ได้

ซึ่งก็ยังหมายความว่า อุตสาหกรรมการบินของไทยที่มีขนาดร่วมสี่แสนล้าน กำลังเดินเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างน่าเป็นห่วง และอาจลามไปกระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมูลค่ากว่าหนึ่งล้านล้านไปด้วย ทั้งหมดนี่มาจากสาเหตุที่ข้าราชการกรมเดียว ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่
 
ยิ่งไปฟังคำแก้ตัวของกรมการบินพลเรือน ก็ยิ่งขมขื่นจนอยากเอาหัวโขกต้นหูกวางหน้ากระทรวงนัก ท่านอธิบดีบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราขาดงบประมาณ ขาดกำลังคน มีเจ้าหน้าที่ด้านนี้แค่ 11 คน ต้องดูแลใบอนุญาตตั้ง 46 สายการบิน แถมงานนี้ต้องการช่างเทคนิคที่มีทักษะ แต่เงินเดือนข้าราชการไม่สูงพอ เลยหาคนไม่ได้...

ทีงบประมาณสร้างสนามบินตั้ง 28 แห่ง กำลังคนดูแลสนามบินที่มีค่าใช้จ่ายสูงจัดหาได้สะดวกตลอดมา

ดูวิธีแก้ปัญหายิ่งเศร้าหนัก มีแต่คำว่าอาจจะ...อาจจะขอให้บางประเทศส่งทีมมาช่วย จะลองติดต่อออสเตรเลียบ้าง สิงคโปร์บ้าง ว่าว่างมาดูแลให้หรือเปล่า  

(ผมว่ากราบขอร้องลาวเถอะครับ อย่างน้อยก็พูดกับเรารู้เรื่องดี)

บ้างก็ว่าจะขอให้ท่านนายกฯโทรขอร้องท่านอาเบะนายกญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกัน ให้ผ่อนผันให้ไปก่อน (ผมอยากพนันว่า ท่านอาเบะคงไม่กล้าเอาเรื่องความปลอดภัยของประชาชน มาแลกเปลี่ยนกับความคุ้นเคยนะครับ ...บิ๊กตู่ของเรามีสิทธิ์หน้าแตกสูงถ้าเขาปฏิเสธมา)

ดูไม่เห็นมีแผนที่น่าเชื่อถือเป็นรูปธรรมสักเท่าใด...เอาเป็นว่าเหมือนลอยแพสายการบินให้ช่วยเหลือตนเอง ต่างคนต่างวิ่งวุ่นเพื่อเอาตัวรอดให้ยังดำเนินกิจการต่อไปได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากที่ควรนำมาเป็นบทเรียน และหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จะต้องดำเนินการสืบสวนและเปิดเผยออกมาว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไรใครต้องรับผิดชอบบ้าง อธิบดี และอดีตอธิบดีกี่คนที่ละเลย ทำให้เกิดความเสียหายได้มากถึงเพียงนี้
 
นี่แหละครับ ระบบราชการไทย... ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องน่ากลัวอื่นๆ ซุกซ่อนอยู่อีกมากน้อยเท่าไหร่...ระเบิดเวลาได้เริ่มระเบิดขึ้นแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะลุกลามใหญ่โตก่อให้เกิดความเสียหายสักเท่าใด และก็ไม่รู้ว่าลูกระเบิดอื่นๆ ที่เหลือจะระเบิดเมื่อไหร่ จะมีคนถอดสลักมันได้สำเร็จสักเท่าใด

Amazing Thailand


ประจินรับไทยตกมาตรฐานICAOส่งผลบานปลาย

"ทั้งนี้ ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความวิตกกังวลอย่างมากต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และหากไม่เร่งแก้ไขอาจทำให้ปัญหาบานปลายเป็นโดมิโน และขณะนี้โดมิโนได้เริ่มล้มแล้ว เลยต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีระยะห่างระหว่างโดมิโนเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น"

http://money.sanook.com/268077/