วันจันทร์, พฤศจิกายน 17, 2557

รู้มั๊ยครับ..เขาวิจัยคนไทยเราว่าอย่างไร


1.มีความเป็นทางการสูง
การดำเนินงานทุกอย่างจะต้องมีขั้นตอน มีพิธีการ พิธีกรรม มีเคล็ด เปิดแพรคลุมป้าย ตัดริบบิ้น แต่ไม่ให้ความสนใจกับผลลัพธ์ที่ได้ว่าประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ โดยเฉพาะการดำเนินงานในระบบราชการไทย ผู้บริหารบ้านเมืองทุกระดับจึงมักมีตารางภารกิจวุ่นวายอยู่กับการเปิดแพรคลุมป้าย ตัดริบบิ้น ฝังลูกนิมิตร มากกว่าการใช้เวลาพิจารณางานบ้านงานเมือง



2.นับถือผู้มีฐานะ
การยอมรับพื้นฐานเริ่มที่การแต่งตัว..มีรถหรูขับ..จะได้รับการปฏิสัมพันธ์ที่ดีในเบื้องต้นเสมอ..คนที่ไม่มีทุนทรัพย์ จึงนิยมของทำเลียนแบบมาเชิดหน้าชูตา จนประเทศไทยติดอันดับประเทศละเมิดลิขสิทธิ์อันดับต้นของโลก ต้องยอมรับว่า แม้ประเทศไทยจะไม่มีการแบ่งวรรณะเช่นอินเดีย หรือจะมีการเลิกทาสไปเนิ่นนานมาแล้ว แต่วันนี้ คนไทยยังได้รับโอกาสทางสังคมที่แตกต่างกัน เป็น ชนชั้นสูง ( สังคมไฮโซ ) ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ซึ่งดันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

นอกจากนั้น การที่สังคมตะวันตกเข้าสู่ชาติไทยในบทผู้เจริญ..ทำให้คนไทยเห็นฝรั่งเป็นยอดคนเหนือคน..ฝรั่งจึงเป็นมาตรฐานให้คนไทยหยิบยกมาเปรียบเทียบ และเทอดทูนในความเป็น “ มาตรฐานสากล “ จนภูมิปัญญาแบบไทย และแนวคิดทฤษฏีที่เหมาะสมกับวิถีไทยเช่น ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง “กลายเป็นเรื่องล้าสมัย


3.การเอื้ออาทรอยู่เหนือกติกาสังคม
สังคมไทยมีกฏเกณฑ์สำหรับการยกเว้น..การให้อภิสิทธ์ถือเป็นน้ำใจที่ดีสำหรับสังคมแบบพึ่งพากัน.. คนที่ยึดกติกาจะเป็นแกะดำ..ไม่น่าคบและถูกกีดกันออกจากสังคม กฏหมายในเมืองไทย จึงมีไว้สำหรับบังคับชนชั้นล่าง และชนชั้นกลางทางสังคม กฏเกณฑ์ที่เป็นวินัยสาธารณะ ( Public Rull ) ซึ่งเป็นพื้นฐานการจัดระเบียบสังคม และเป็นเครื่องมือการสร้างความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย จึงถูกละเลย และมีการเลือกปฏิบัติ ก่อกำเนิดเป็นระบบพรรคพวก เส้นสาย...ในทุกๆอนูกิจกรรมของสังคมไทย

กลุ่มทุนและกลุ่มธุรกิจที่มีกำลังซื้อ จึงมักเลือกที่จะจ่ายเพื่อแลกกับการเอื้ออาทรของเจ้าหน้าที่รัฐ บางรายเลือกที่จะซื้อการเมืองไว้ เพื่ออำนวยประโยชน์เป็นการส่วนตัวในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบอยู่เบื้องหลัง และทั้งแบบขอเป็นผู้บริหารบ้านเมืองเอง(มันซะเลย!!!!)

ผู้ที่ด้อยโอกาสทางสังคม หรือกลุ่มชนชั้นล่างที่ไม่มีปากมีเสียง จึงต้องใช้วิธีรวมตัวเป็นกลุ่มมวลชน เพื่อสร้างพลังอำนาจให้ตัวเอง ก่อนจะดำเนินกิจกรรมละเมิดกฏเกณฑ์ หรือระเบียบสังคม โดยเฉพาะที่ได้รับความนิยมและได้ผลคือการละเมิดต่อสิทธิของประชาชนอื่นๆ เพื่อสร้างเงื่อนไขและอำนาจต่อรองกับรัฐ หรือผู้มีอำนาจ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ผล โดยเฉพาะแนวคิดสะกิดแผลใจในสไตล์ “ไพร่” กับ “อำมาตย์”
ปรากฏการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิก็ดี การปิดราชดำเนินก็ดี การปิดราชประสงค์ก็ดี จึงเป็นปรากฏการณ์ละเมิดกฏหมายที่เป็นมาตรฐานประชาธิปไตยแบบไทยๆ ในแบบที่รัฐไม่กล้าแตะต้อง
แล้วลุกลาม...จนแม้อยากจะแก้ไข ก็สายไป...ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด



4.เชื่อถือแนวคิดแบบศรีธนญชัย
ยอมรับความฉลาดแบบเจ้าเล่ห์ แสนกล เอาเปรียบ ข้างๆคูๆ...ขาดความจริงใจ ปลิ้นปล้อน จนลุกลามไปถึงแวดวงการเมือง



5.วัดความดีที่ภาพลักษณ์การทำงานที่ดี
คนที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ..แถลงข่าว จับกระแสแล้ว..จบกัน..เป็นผลงานชั่วคืน..เป็นวอลเปเปอร์ถาวรการสร้างภาพได้รับความนิยมอย่างยิ่งในแวดวงการเมือง และหน่วยงานราชการในขณะที่อีกมุมหนึ่งก็ใช้วิธีการทำลายล้างกันด้วยระบบข้อมูลข่าวสารเช่นกัน การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในสงครามยุคใหม่ โดยเฉพาะในสงครามทางการเมืองของไทยยุคศตวรรษที่ 21 .. ที่สามารถใช้ภาพลักษณ์สร้างทั้งศรัทธา และทั้งความเกลียดชัง ปลุกกระแสมวลชนให้เป็นแนวร่วมก่อการตามทิศทางและเป้าหมายของตน


6.ค่านิยมความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พึ่งพาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ สะท้อนความอ่อนแอขาดที่พึ่งทางใจของสังคมไทย จนเกิดปรากฏการณ์โหรฟีเวอร์ในสังคมอย่างหลากหลาย ที่สำคัญคือคำทำนายส่งผลต่อการบริหารบ้านเมืองได้อย่างไม่น่าเชื่อ


7.รักสนุก ขี้เล่น ชอบงานรื่นเริง
เมืองไทยอุดมสมบูรณ์มาก่อนเก่า...ทุกกรณีจึงชอบสนุกสนานจัดรื่นเริงกินดื่มทุกตรุษ ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของใหญ่ต่างๆของโลก


8.เรื่องงาน-เรื่องส่วนตัว เรื่องเดียวกัน


9.ระบบศักดินา
นิยมระบบนาย บ่าว ไพร่ ส่วย นิยมการแสดงอำนาจบารมี รถนำขบวน ทัวร์ ผ้าป่า ..มีลูกน้อง..เดินล้อมหน้าล้อมหลัง...สามารถพบได้จากข้าราชการแทบทุกระดับ


10.สังคมครอบครัว
รู้จัก-ไม่รู้จัก ล้วนเรียกเป็นญาติพ่อแม่พี่น้องกัน...เสียตรงที่ไม่รักกันจริง

ที่มา board.postung.com