วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 26, 2557

สัมภาษณ์ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ โดย จอม เพชรประดับ

http://www.youtube.com/watch?v=6bIcXpzoKZk&feature=youtu.be

......

จอม เพชรประดับ สัมภาษณ์ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาฯ องค์การเสรีไทย

Thu, 2014-06-26 15:23

ที่มา ประชาไท

หมายเหตุ – หลังจากที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศ ก่อตั้ง องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย (The Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy) ขึ้นในต่างประเทศ พร้อมเคลื่อนไหวร่วมกับองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ผ่านทาง www.facebook.com/FreeThaiofficial มีรายละเอียดดังนี้

ทำไมถึงไม่ยอมไปรายงาน และทำไมจึงต้องตั้ง องค์กรเสรีไทยฯ เพื่อสู้กับ คสช.

ผมยึดหลักประชาธิปไตยอันชอบธรรมด้วยกฎหมาย ผมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งของผมไม่ได้มาด้วยกระบอกปืน ผมผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชน และพรรคผมได้คะแนนเลือกตั้งสูงสุด จึงได้จัดตั้งรัฐบาล และได้นำขึ้นทูลเกล้าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมและคณะรัฐมนตรีทั้งหมด รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง และหากต้องพ้นจากตำแหน่งก็จะต้องได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งด้วย แต่จนถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งเลย

นี่คือเหตุผล ผมยังถือว่าผมยังเป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนไว้วางใจและเลือกตั้งเข้ามา แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไปยอมให้กับคนที่ทำรัฐประหาร ปล้นอำนาจประชาธิปไตยที่ประชาชนมอบให้กับผม เพราะฉะนั้น ผมจึงจำเป็นที่จะต้องยืนหยัด แม้ว่าจะเป็นเพียงคนเดียวก็ตาม แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ที่จะไม่ยอมกับอำนาจเผด็จการทหาร แต่เมื่อหลายคนไม่สามารถเล็ดรอดออกมาจากประเทศไทยได้เหมือนผม เมื่อผมพ้นกรงเล็บของคณะรัฐประหารออกมาแล้ว ผมไม่ได้หนีไปซุกที่ไหน ผมมีความมุ่งมั่นว่าจะต้องกลับมาเพื่อทวงคืนสิทธิอันชอบธรรมให้กับประชาชน เพื่อที่จะบอกว่าประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะชี้ขาดว่าใครจะมาปกครองประเทศ

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมกล้าที่จะออกมาและยืนหยัดต่อสู้ ผมเชื่อมั่นในพลังอำนาจของประชาชนชาวไทยทุกคน แม้คนไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานการณ์แห่งความหวาดกลัว เขาไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา เพราะถูกปากกระบอกปืนควบคุมบังคับเขาอยู่ แต่ในที่สุดสักวันหนึ่งมันไม่สามารถควบคุมตลอดไปได้หรอก

ฉะนั้น เราเองจะต้องออกมาเป็นหลัก ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ผมกับคณะ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั้งคนไทยในต่างแดน และคนไทยในเมืองไทย รวมตลอดกับชาวต่างชาติที่เขารักประชาธิปไตยก็ให้การสนับสนุน ร่วมมือ ร่วมใจกันจนที่สุดกับการก่อตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยขึ้น

ท่านเองได้ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วจะมีพลังอะไร หรือจะเอาอำนาจอะไรมาต่อสู้กับ อำนาจเผด็จการ คสช. ในตอนนี้ครับ

แม้ว่าจะมีการทำรัฐประหารและอำนาจของรัฐบาลนั้นถูกปล้นไปแล้ว เราไม่สามารถใช้ตำแหน่งโดยชอบด้วยกฎหมายทำอะไรได้อีก ดังนั้น จึงจำเป็นที่เราจะต้องออกมาฟ้องต่อนานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนของโลก ของยูเอ็น เพื่อจะบอกว่าขณะนี้ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้น และเพื่อจะยืนยันว่าประชาชนชาวไทยเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจกับคณะรัฐประหาร คสช. ที่ไปโฆษณาเหมาเอาว่าคนไทยตอนนี้ยอมหมดแล้ว แท้จริงแล้วเขากลัวอำนาจที่มาจากปลายกระบอกปืนเท่านั้นเอง

ผมเชื่อว่าข้าราชการประจำทุกภาคส่วนในประเทศไทยก็มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เป็นแต่เพียงว่าเขาพูดไม่ได้ น้ำท่วมปาก ดังนั้น ผมจึงต้องยืนหยัดยืนยันเพื่อให้เป็นความหวังส่วนหนึ่งในการทวงคืนระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่มีการตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาเคลื่อนไหว กดดัน อาจจะทำให้การทวงคืนเกิดความล่าช้า และเมื่อมีองค์กรแล้ว อยากให้พี่น้องคนไทยทุกคนได้คลายจากความหวาดกลัว และมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ที่ผม แต่ความสำเร็จนั้นอยู่ที่คนไทยทุกคนทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกที่รักประชาธิปไตย รักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีสำนึกที่จะบอกกล่าวกับเพื่อนพ้องน้องพี่ว่าเราจะต้องไม่ยอมให้อำนาจเผด็จการมากดหัวเราตลอดไป เมื่อผมออกมาจากประเทศไทยได้ผมก็จะเดินสายไปบอกเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวไทยที่อยู่ในต่างประเทศต่าง ๆ คนต่างประเทศที่รักประชาธิปไตย

ซึ่งผมจะไปบอกกับยูเอ็นและองค์กรสิทธิมนุษยชนว่าผมต่อสู้ ไม่ได้มีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ และผมก็ไม่ได้มีอาวุธอะไรเลย นอกจากปากกับอุดมการณ์ที่จะบอกพี่น้องประชาชนทั่วโลก ผมเชื่อว่าประชาชนในยุคโลกาภิวัตน์ เขาจะปฎิเสธการกระทำของคณะรัฐประหาร และในที่สุดก็จะถูกบีบคั้นให้ต้องปล่อยอำนาจ และคืนอำนาจนั้นกลับสู่ประชาชน ผมยืนยันว่าการปกครองบ้านเมืองนั้นมีความขัดแย้งกันได้ แต่ความขัดแย้งนั้นต้องคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะให้ใครมาบริหารประเทศต่อจากนั้นไป เพราะนี่คือการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างยั่งยืน ไม่ใช่มาร้องเพลง มารำวง มาเต้นกันแล้วบอกว่านี่คือการลดความขัดแย้งแล้วนี่เป็นการกระทำที่จอมปลอม

ความขัดแย้งที่แท้จริง แก้ได้ด้วยการคืนอำนาจให้กับประชาชน เคารพอำนาจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และเขารออยู่ เขาพร้อมที่จะเลือกตั้ง แล้วคุณบอกว่าเลือกตั้งไม่ได้ เพราะมีเรื่องวุ่นวาย แล้วเรื่องวุ่นวายทั้งหมด คุณเป็นคนสร้างทั้งหมดไม่ใช่หรือ

องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยมีเครือข่ายมากน้อยแค่ไหน และจะทำงานร่วมกันเพื่อต่อต้าน คสช. อย่างไร

โลกยุคนี้ ไม่เหมือนโลกในยุคปี 2500 หรือก่อนหน้านั้น เป็นโลกยุคข้อมูลข่าวสาร เป็นโลกยุคโลกาภิวัตน์ ดังนั้นข่าวสารต่าง ๆ มันปิดกันไม่มิด และแม้ว่าสื่อกระแสหลักจะถูกครอบคลุมเอาไว้หมดแล้วก็ตาม แต่พี่น้องประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติที่รักประชาธิปไตยและรักความยุติธรรมก็ลุกขึ้นมาพูดคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งก็จะเป็นไฟที่ลุกขึ้นเป็นพลัง สุดท้ายความถูกต้องชอบธรรมและประชาธิปไตยจะต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยจนได้

ผมมาอยู่ต่างประเทศ แต่จะเป็นเหมือนไม้ขีดไฟชิ้นเล็ก ๆ ที่จะจุดไฟกองนี้เพื่อให้ลุกสว่างขึ้นมาและเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ผมมุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลาว่าจะรับใช้ประชาชนและมุ่งแก้ไขปัญหาตามครรลองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เราไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลัง ไม่เห็นชอบกับการทำรัฐประหาร แต่บ้านเมืองไทยจะอยู่อย่างยั่งยืนวัฒนาถาวรตลอดไปได้นั้นจะต้องให้ประชาชนเป็นเจ้าของและเป็นผู้มีส่วนชี้ขาดและตัดสินใจในปัญหาของประเทศทุกด้านทุกประการ

ในสภาวะที่คนไทยในเมืองไทยเวลานี้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพอย่างรุนแรง องค์กรเสรีไทยฯ จะช่วยเหลือ หรือทำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะคนที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยในเวลานี้

ผมกับเพื่อนพ้องคนไทยที่ได้จัดตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาเพื่อให้มีสถานภาพเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ จากนั้นก็จะไปพบกับผู้นำประเทศต่าง ๆ ตามลำดับไป เช่น สหประชาชาติ องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล เพื่อจะบอกเขาว่าวันนี้ได้เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย และขอร้องให้เขาช่วยกดดัน พูดคุยกับคณะ คสช. เหมือนกับให้โลกล้อมประเทศไทยนั่นเอง ไม่ต้องใช้กำลังอาวุธ ผมเชื่อว่าจะพูดกันด้วยเหตุผลได้กับทุกฝ่าย และที่สุดต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน บ้านเมืองจึงจะเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้ถ้าคุณใช้กำลังและอำนาจ ความหายนะ ความตกต่ำทั้งทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นเชื่อถือของนานาชาติ ความกวาดกลัว ความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน คสช.กำลังทำให้ความผูกพันในครอบครัว ความผูกพันในเพื่อนพ้องน้องพี่ ในสายใยของผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ถูกทำลาย ถูกหวาดระแวงโดยการบังคับให้รายงานต่อตัวคุณ คุณกำลังจะพลิกประเทศไปสู่ยุคสตาลิน ของรัสเซีย สมัยฮิตเลอร์ที่ฆ่ายิว ซึ่งตอนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ฆ่ากันเองแต่ก็เกือบแล้ว

คุณเห็นแล้วใช่มั้ยว่าระบอบเผด็จการแบบนั้นมันไม่จีรังยั่งยืน ที่สุดแล้วประชาชนเขาเรียกร้องสิทธิของเขาเอง ไม่ได้เรียกร้องจากใครนะ และเขาควรได้สิทธิของเขากลับมา และเขาจะสถาปนาผู้ที่จะมาปกครองเขาเอง โดยเขาเป็นผู้มีสิทธิ์จะเลือก ไม่ใช่จะมาบอกว่าผมจะเลือกคนที่ดีที่สุดให้กับคุณ มันไม่ใช่ ไปพูดในประเทศไทยที่เขามีอาวุธจ่อหัวอยู่ เขาก็ก้มหน้า ไม่กล้าพูดต่อล้อต่อเถียงกับคุณ แต่ทั่วโลกเขาหัวเราะเยาะคุณจะตายอยู่แล้ว คุณพูดอย่างนี้คุณไม่อายชาวโลกหรือ

แถลงการณ์ที่ออกไปแล้วจะให้คนไทยทั้งในและต่างประเทศที่คัดค้าน คสช.ทำอย่างไรต่อไป หรือจะให้คนที่คัดค้าน คสช. ร่วมมือกับองค์กรฯ นี้อย่างไร

ผมเองเป็นเพียงผู้จุดประกายไฟขึ้นมา ซึ่งความสำเร็จอยู่ที่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งชาติ จะต้องออกมาร่วมกันแสดงพลังแต่เป็นการแสดงพลังอย่างสันติ เช่น การออกสัญลักษณ์อะไรก็ได้ที่ออกมาแล้วมันบอกได้ว่าเป็นการต่อต้านระบอบเผด็จการ ต่อต้านการปฎิวัติรัฐประหาร แม้ว่าจะชูสามนิ้วแล้วคุณจับคนชูสามนิ้วไป เอ้าวันนี้ ไม่ชูก็ได้เพราะถูกจับ ก็ให้หาอย่างอื่นต่อไป เช่น ผมจะใส่เสื้อขาวนะ ในวันเสาร์อาทิตย์หลังเลิกงานแล้วพากันเดินตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ แล้วยิ้มให้กัน จับมือกัน แล้วคุณจะจับผมมั้ย อันนี้จะเป็นพลัง ทำไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ ผมเชื่อมั่นว่าจะเกิดแรงในการผลักดันการขับเคลื่อน เพื่อจะบอกกับคณะรัฐประหารว่าคุณวางอาวุธเถอะ แล้วกลับมาร่วมกันที่จะสถาปนาประเทศไทยอย่างสันติวิธี แล้วคืนอำนาจให้กับประชาชน คุณเป็นทหาร ก็เกิดมาจากลูกชาวบ้าน เป็นลูกหลานของประชาชนทั้งนั้น แล้วทำไมไม่เห็นใจประชาชนคนส่วนใหญ่ และการที่ คสช.บอกว่าที่ต้องยึดอำนาจเพราะบ้านเมืองวุ่นวาย และเพราะเกิดคอรัปชั่นกินโกงนั้น ผมยืนยันว่านั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง ต่อให้เกิดความวุ่นวายหรือกินโกงกันอย่างไร ก็ไม่ใช่สิทธิ์ที่คุณจะมาอ้างว่าจะทำการปฎิวัติ มันคนละเรื่องกันเลย แต่คุณกำลังทำให้เป็นเรื่องเดียวกันเพื่อประโยชน์ของคุณเองเท่านั้น

การต่อสู้ขององค์กรเสรีไทยฯ ที่ตั้งขึ้นจะไม่ใช้กองกำลังและไม่ใช่วิธีการรุนแรงใช่หรือไม่

เราไม่มีอาวุธปืน มีแค่สิบนิ้ว มีแต่ปากกับจิตใจที่พร้อมจะสู้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นมหาตมะคานธีจะสู้กับมหาอำนาจอย่างอังกฤษได้อย่างไร ไม่งั้นเนลสัน แมนเดลา จะสู้ได้อย่างไร ไม่งั้นดาไล ลามะ จะสู้กับจีนได้อย่างไรล่ะ

ณ วันนี้ ผมอยากจะเห็นว่าคนไทยทุกคนจะต้องลุกขึ้นมา แล้วก็ทำอย่างสันติ พูดกันแบบพี่น้องว่า พอเถอะ ทุกอย่างที่ทำมาไม่ใช่ทางเดินที่ถูกต้อง และหากภายในสิ้นปีนี้ นักท่องเที่ยวไม่ไปเที่ยว ต่างชาติเขาไม่คบ ต่างชาติไม่ซื้อสินค้าเรา เศรษฐกิจตกต่ำ แล้วคุณจะโทษใคร ก็ต้องบอกว่าเพราะการทำรัฐประหารนั้นทั่วโลกเขาไม่เอา

ผมเชื่อมั่นว่ายิ่งนับวันเสถียรภาพทางเศรษฐกิจก็ดี เสถียรภาพทางสังคมของคณะรัฐบาลที่จะจัดตั้งกันขึ้นมาก็ดี มันไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศคุณจะยืนยันอยู่อย่างนั้นตลอดไปได้อย่างไร ผมมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ จะต้องพูดให้ชาวโลกเขาเข้าใจแล้วเรียกร้องสันติภาพด้วยพลังของประชาชน เรียกร้องว่าบ้านเมืองนี้จะสงบได้ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน คุณอย่าปล้นอำนาจของประชาชนไปครอง คุณบอกว่าจะตั้งคนดีของคุณ แต่มันไม่ใช่คนดีของประชาชน ถ้าเป็นคนดีของประชาชนก็ต้องลงมาสู้กันในสนามเลือกตั้ง ให้ประชาชนเขาเลือกเลย

แล้วคุณบอกว่าเลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งมีการซื้อเสียง อันนั้น มันเป็นการแก้ตัว แท้จริงแล้วคุณไม่ยอมรับว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนต่างหาก แต่คุณกำลังใช้อำนาจปฎิวัติรัฐประหาร ใช้กระบอกปืน เพื่อสร้างความหวาดกลัว ความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นในประเทศมากกว่า ซึ่งเป็นการทำลายไม่เฉพาะเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นการทำลายเยื่อใยความผูกพันของสังคมไทยด้วย กำลังทำให้คนไทยทั้งหมดระแวงซึ่งกันและกัน แล้วจะทำให้บ้านเมืองบรรลัยไปมากกว่านี้อีกเยอะแยะ

องค์กรที่ตั้งขึ้นมาเป็นการทำงานด้วยตัวท่านเอง หรือมีกลุ่มการเมือง มีบุคคลทางการเมือง อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ของพรรคเพื่อไทยให้การหนุนหลังอยู่ด้วยหรือไม่

ชัดเจนแล้วว่า ผมลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อมาทำหน้าที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นอิสระ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับองค์กรเสรีไทยฯ แต่ท่านเป็นคนไทยคนหนึ่ง ใน 65 ล้านคน ที่ได้รับความไม่ยุติธรรมจากการทำรัฐประหาร และการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ผมยืนยันอีกครั้งว่า การเคลื่อนไหวขององค์กรเสรีไทยฯ ไม่ใช้กำลังอาวุธใด ๆ เพราะผมเชื่อว่าพลังประชาธิปไตยมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าระบอบเผด็จการ หรือแข็งแกร่งกว่าระบอบทหาร เพราะระบอบทหารไม่ได้ใจประชาชน เพราะไม่ใช่รัฐบาลของเขา เมื่อประชาชนเขาพูดไม่ได้ แสดงออกไม่ได้ เขาไม่พูดหรอก เพราะคุณไปเอาปืนจ่อหัวเขา แต่ถ้าประชาชนทุกคนอดทน สักวันหนึ่งประชาชนระเบิดขึ้นมา และผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะทานพลังมหาชนไม่ได้ ผมเชื่อมั่นในเรื่องอำนาจนั้นเป็นของประชาชน